by Thatree Homsirikamol
วันที่ 7 ก.พ. 2564 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 12 ม.ค. 2566
10 หุ้นเด่นลงทุนฉลองตรุษจีน 2564

ปีวัวนี้ เสริมความมั่งมีด้วย 10 หุ้นธุรกิจคุณภาพจากจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และเวียดนาม ที่คัดสรรมาแล้วว่ามี Jitta Score มากกว่า 5 และ Jitta Line มีแนวโน้มขาขึ้น 

สะท้อนถึงธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง งบการเงินที่แข็งแรง และกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ บางธุรกิจอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี โตล้อไปกับโลกยุคดิจิทัลได้อีกนาน

แม้หุ้นบางตัวราคาจะสูงกว่า Jitta Line ไปแล้ว ก็อย่าเพิ่งท้อใจ กด Follow เก็บไว้ใน Watch List ของคุณ รอโอกาสราคาหุ้นตก…ค่อยลงทุนก็ยังไม่สาย 

มาดูกันว่า มีหุ้นตัวไหนบ้างที่กำลังมาแรงรับเทรนด์การลงทุนปีวัวนี้ 


พบ 10 หุ้นเด่นน่าสนใจรับปีวัวทองบนแอปพลิเคชัน Jitta วันนี้ – 14 ก.พ. 64 เท่านั้น


อันดับ 1 Tencent Holdings

Tencent อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง แต่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่เป็นผู้นำในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย อย่าง QQ และ WeChat มีผู้ใช้งานต่อเดือน (Monthly Active User – MAU) มากถึง 1,200 ล้านคน MAU ผู้ใช้ในสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตอีก 647 ล้านบัญชี และสมัครเป็นสมาชิกสำหรับบริการอื่นๆ อีก 203 ล้านคน

ปัจจุบันสร้างรายได้ 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 5 แสนล้านหยวน โดยสามไตรมาสแรกของปี 2563 นั้นมีการเติบโตราว 25% จากปี 2562 รายได้ของ Tencent ถูกแบ่งออกมาเป็น 4 ส่วนคือ

  1. โซเชียลมีเดีย 23%
  2. เกมออนไลน์ 33%
  3. โฆษณาออนไลน์ 17%
  4. ฟินเทคและบริการทางธุรกิจ 27%

ถ้าดูตัวเลขอื่นๆ 1 ปีย้อนหลังของ Tencent มี GPM (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 46% OPM (Operating Profit Margin) อยู่ที่ 26.23% และ NPM (Net Profit Margin) 26.65% ซึ่ง 9 เดือนแรกของปี 2563 นั้น ตัวเลขทั้ง 3 ตัวนี้เติบโตเฉลี่ยที่ 1.43% สะท้อนกำไรที่โตขึ้น แม้ว่า Tencent ยังอยู่ในช่วงระหว่างปรับโครงสร้างการทำงานอยู่ 

แต่ Tencent มีค่าใช้จ่ายไตรมาส 2 ปี 2563 ด้าน VAS (Value Added Services)เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีการขยายแพลตฟอร์มและช่องทางการให้บริการมากขึ้น 

แม้ว่า Tencent จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายงาน เพื่อรองรับฐานลูกค้าที่มากขึ้น แต่ในอนาคตฐานลูกค้ากลุ่มนี้ จะแข็งแกร่งมากพอ และยากที่จะหนีออกจากบริการจาก Tencent ได้ สะท้อนโอกาสเติบโตของรายได้ในระยะยาว

อ่านงบย้อนหลัง Jitta Factsheet


อันดับ 2 Fire Rock Holdings

Fire Rock อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง ผู้ผลิตเกมที่คุณอาจจะเคยได้ลองเล่นกันมาบ้างแล้ว ปัจจุบันพัฒนาเกมมาแล้วกว่า 14 รายการ หลายภาษา ทั้งอังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส และไทย เช่น รอยัล คาสิโน เกมยิงปลาหรรษา หรือล่าสมบัติแห่งพงไพร ซึ่งเป็นเกมบนสมาร์ตโฟนทั้งหมด

นอกจากนี้ Fire Rock ยังอยู่ระหว่างพัฒนาเกมและซอฟต์แวร์อีก 7 รายการ คาดว่า จะออกสู่ตลาดภายในไตรมาสแรกของปี 2564 

ทาง Fire Rock ยังให้ความสนใจในการศึกษาตลาดและทดลองเทคโนโลยีอย่าง ‘H5’ ที่จะมาช่วยขยายการตลาดให้กับบริษัท 

ระบบ ‘H5’ จะช่วยให้แอปพลิเคชันของสมาร์ตโฟน สามารถใช้งานได้แบบ Web Application ซึ่งจะสามารถพัฒนาการใช้งานผ่านหน้าจอสมาร์ตโฟนได้หลากหลาย 

ขณะนี้ระบบ ‘H5’ ถูกใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน WeChat ของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีผู้ใช้มากกว่าพันล้านคน ถ้าบริษัทสามารถเจาะตลาดกลุ่มนี้ได้เชื่อว่า โอกาสเติบโตจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 

ปัจจุบัน Fire Rock มีพนักงานเพิ่มขึ้น 30% จาก 145 คน ณ เดือนมิ.ย. 2562 เป็น 190 คนในปี 2563 โดยครึ่งหนึ่งของพนักงานจะอยู่ในกลุ่มโปรแกรมเมอร์ 33% ออกแบบเกม 11% และดีไซเนอร์อีก 14%

รายได้ครึ่งปีแรกของ Fire Rock ปี 2563 อยู่ที่ 285 ล้านหยวน โดยมี 90% มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ 9.6% มาจากเอเชียแปซิฟิก และอีก 0.1% จากยุโรป รายได้รวมนี้โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ถึง 175% 

แต่ตัวเลขที่น่าสนใจของปี 2563 คือ GPM อยู่ที่ 93.8% OPM อยู่ที่ 81.8% และ NPM สูงถึง 67.3% เพราะมีอัตราคงที่มาหลายปี 

ด้วยเหตุนี้ Fire Rock จึงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ เพราะมีการพัฒนาระบบเพื่อสนับสนุนการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันผ่านสมาร์ตโฟน พยายามเจาะตลาดผู้ใช้งานกลุ่มใหม่ สะท้อนโอกาสเติบโตตามเทรนด์การเล่นเกมบนสมาร์ตโฟนในยุคนี้

อ่านงบการเงินย้อนหลังบน Jitta Factsheet


อันดับ 3 Hangzhou Hikvision Digital Technology

HHDT อยู่ในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดพร้อมซอฟต์แวร์ เพื่อความปลอดภัยของสินทรัพย์และบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ซอฟต์แวร์มีความสามารถที่จะถ่ายภาพและวิเคราะห์ในการนับจำนวนคน ระบบต่อแถว ระบบ Heat Map รวมไปถึงระบบการอ่านทะเบียนรถ ทางบริษัทยังได้มีการขยายธุรกิจด้าน Big Data ปัญญาประดิษฐ์ และสร้างความสัมพันธ์กับระบบด้วยขยายกิจการด้านหุ่นยนต์และ IoT (Internet of Things) ที่เชี่อมต่อเข้าระบบกลางของ HHDT

ทางบริษัทมีการบริหารธุรกิจในมากกว่า 150 ประเทศ โดยมีรายได้ 68.93% จากจีนและ 31.07% จากต่างประเทศ ส่วน 89.66% ของรายได้มาจากการขายอุปกรณ์และระบบกล้องวงจรปิด อีก 10.34% นั้นมาจากธุรกิจ Smart Home หุ่นยนต์และบริการอัจฉริยะอื่นๆ

จุดที่น่าสนใจคือ รายได้ส่วนใหญ่นั้นมาจากระบบกล้องวงจรปิด แต่ค่าใช้จ่ายของบริษัทในส่วนนี้กลับหดตัวลง 9.34% ในส่วนของธุรกจิจ Smart Home หุ่นยนต์และบริการอัจฉริยะอื่นๆ นั้น กลับมีค่าใช้มากขึ้น 41.29% มีสัญญาณว่า HHDT กำลังพัฒนาธุรกิจด้านอื่นที่เป็นเมกะเทรนด์ เพื่อโอกาสเติบโตในระยะยาว 

ในมุมของงบการเงิน 1 ปีย้อนหลังนั้น HHDT สามารถทำ GPM ได้ 46.60% OPM อยู่ที่ 21.80% และ NPM อยู่ที่ 20.78% ซึ่งยังทรงตัวจากช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ก่อนหน้า ถือว่ายังแข็งแกร่งมากท่ามกลาง Covid-19 

อ่านงบย้อนหลัง Jitta Factsheet


อันดับ 4 Ho Chi Minh City Development Joint Stock Commercial Bank

HDB อยู่ในตลาดหุ้นเวียดนาม ประเทศกำลังพัฒนาที่กลไกภาคธนาคารพาณิชย์ ยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ข้อมูลปี 2561 HDB เป็นเป็นธนาคารอันดับ 10 ในตลาด วัดจากมูลค่าสินทรัพย์ ซึ่งก็คือ สินเชื่อธนาคาร แต่ยังเป็นธนาคารน้องใหม่ เพราะก่อตั้งมาได้ 8 ปีเท่านั้น ปัจจุบันมีพนักงาน 14,000 หมื่นคน ใน 303 สาขา และ 18,000 ตู้ ATM ให้บริการลูกค้ามากกว่า 10 ล้านคน นอกจากนี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Vietjet Air สายการบินรายใหญ่ของเวียดนาม 

ปัจจุบันธนาคารมี Net Interest Margin (NIM) หรืออัตราดอกเบี้ยสุทธิ หดตัวลงมาตลอดตั้งแต่ปี 2558 จาก 32.6% เหลือ 25.7% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ซึ่งทิศทางนี้คงหลีกเหลี่ยงไม่ได้ในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เพราะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยการดำเนินการให้สะดวกและเร็วขึ้น และเป็นเทรนด์เดียวกันทั่วโลก ที่ NIM ของธนาคารพาณิชย์จะลดลง สิ่งที่ HDB ทำได้ดีคือ ลดค่าใช้จ่ายการกู้เงิน จาก 11.7% ในปี 2558 เหลือ 7.8% ในไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา ถ้าบริษัทสามารถทำการปรับเปลื่ยนระบบและวิธีการบริหารที่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้นก็อาจจะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อีก

HDB ปล่อยสินเชื่อโตขึ้นมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และโตขึ้น 17.3% ในไตรมาส 3 ปี 2563 แต่ธนาคารยังสามารถคุม Non-Performing Loan (NPL) หรือหนี้เสียให้ต่ำกว่าอัตราค่าเฉลี่ยในธนาคารพาณิชย์มาโดยตลอด 

งบการเงิน 1 ปีย้อนหลัง ธนาคารมีรายได้อยู่ที่ 498.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 21.4% ส่วน GPM OPM และ NPM เฉลี่ยอยู่ที่ 88.30% 45.25% และ 37.15% ตามลำดับ ซึ่ง OPM และ NPM มีโตเกือบ 3% จากปีที่แล้วต้องถือว่าเป็นธนาคารยังทำกำไรได้ดี เมื่อเทียบกับธนาคารใหญ่อย่าง Vietinbank ที่ตัวเลขผลประการดีขึ้น ใกล้เคียงกับ HDB แต่วัดผลประกอบการย้อนหลัง ถือว่ายังแย่กว่า HDB ที่การเติบโตชัดกว่า 

อ่านงบย้อนหลัง Jitta Factsheet


อันดับ 5 FPT Corporation

FPT อยู่ในตลาดหุ้นเวียดนาม บริษัทด้านโทรคมนาคมและไอที ที่สามารถอยู่ได้ในช่วง Covid-19 โดย FPT นั้นทำธุรกิจอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ 

  1. การสื่อสารโทรคมนาคม ให้บริการติดต่ออินเทอร์เน็ตแบบ ADSL และ FTTH สำหรับลูกค้าบ้าน และให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงขนาด 10 Gbps และยังศูนย์ Data Center และบริการ broadcast ด้วย 
  2. บริการด้านไอที เป็นแบบ On Demand Service คือสามารถออกแบบและติดตั้งระบบตามที่ลูกค้าต้องการ มีตั้งแต่ระบบคลาวด์ที่เป็นพาร์ตเนอร์กับ Amazon และ Microsoft ระบบรับรองการสื่อสารเคลื่อนที่ IoT ไปจนถึงทดสอบความเสถียรของระบบ
  3. การศึกษา มีการเปิดโรงเรียนภายใต้เครือของบริษัทตั้งแต่มัธยมต้นถึงระดับอุดมศึกษา โดยใช้หลักสูตรภาษาอังกฤษ

FPT มีบริการที่ครอบคลุมตลาดผู้ใช้งานเวียดนามสูงมาก แต่ก็ยังต้องการแรงงานด้านไอที จึงต้องมีสถาบันที่สามารถผลิตทรัพยากรบุคคล เพื่อรองรับการจ้างงานใหม่ในอนาคต 

ปี 2563 ด้านการบริการอินเทอร์เน็ตสามารถสร้าง Ebitda Marginได้สูงถึง 19.6% เพิ่มขึ้น 0.6% จากปีที่แล้ว ส่วนรายได้อื่นมี Margin อยู่ที่ 12.1% โตขึ้น 3.2%

รายได้สุทธิอยู่ที่ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตขึ้นจากปีที่แล้ว 7.63% สัดส่วนรายได้ของส่วนบริการไอทีอยู่ที่ 56% ธุรกิจโทรคมนาคมอยู่ที่ 39% และอีก 5% คือสถาบันการศึกษา อัตราการบริหาร GPM OPM และ NPM เฉลี่ยอยู่ที่ 39.61% 15.43%  และ 11.86% ตามลำดับ 

อ่านงบย้อนหลัง Jitta Factsheet


อันดับ 6 Pegavision Corporation

Pegavision อยู่ในตลาดหุ้นไต้หวัน เป็นผู้ผลิตของคอนแทกต์เลนส์ สินค้าจำเป็นสำหรับบุคคลสายตาสั้นและสายตายาว ผลิตภัณฑ์ของ Pegavison ถูกพัฒนาวัตถุดิบและขั้นตอนการผลิตที่ทันสมัย

คอนแทกต์เลนส์มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน สามารถเพิ่มสีเลนส์ กันแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์ดิจิทัล และผสมวิตามิน B12 ทาง Pegavision ยังมีแผนพัฒนาคอนแทกต์เลนส์ให้ทันสมัยและดีต่อสายตาผู้ใช้งานมากขึ้น

ปี 2562 ตลาดคอนแทกต์เลนส์ทั่วโลก มีมูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ 33%อยู่ในสหรัฐอเมริกา และคาดการณ์ว่า จะโตขึ้น 6% 

รายได้ปี 2562 อยู่ที่ 3,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน มีสัดส่วนเพียง 1.2% ของมูลค่าตลาดทั้งโลก ดังนั้นยังมีช่องว่าง 98.8% ของตลาดที่ Pegavision ยังมีแทรกเข้าไปได้ แต่ อุตสาหกรรมคอนแทกต์เลนส์จัดว่ามีการแข่งขันสูง หากจะแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ยังกินส่วนแบ่งการตลาดสูงอยู่

งบการเงินย้อนหลัง 1 ปี Pegavision มีรายได้อยู่ที่ 3,500 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน โต 11% จากช่วงเดียวกันจากปีก่อน มี GPM อยู่ที่ 48.08% OPM อยู่ที่ 19.38% และ NPM 16.83% ซึ่ง GPM และ NPM เติบโต 3% 

รายได้ของ Pegavision พึ่งพาจากการผลิตและขายคอนแทกต์เลนส์เพียงอย่างเดียว 23% มาจากตลาดในประเทศ และ 77% มาจากการส่งออก

อ่านงบย้อนหลัง Jitta Factsheet


อันดับ 7 Sunpower Group

Sunpower อยู่ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ผู้ผลิตถังความดันสูงและท่อส่งพลังงานที่มีประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน และเป็นผู้ให้บริการระบบโรงงานแก๊ส โรงงานบำบัดน้ำเกลือ โรงงานผลิตไฟฟ้าจากความร้อน และปิโตรเคมี 

นอกจากนี้ Sunpower ยังมีธุรกิจอีกด้านหนึ่ง คือ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยได้รับสัมปทานจากรัฐบาลจีน 30 ปี ให้จัดการและรีไซเคิลเตาหม้อแบบเก่าที่สร้างมลพิษสูง และมีโอกาสต่อสัมปทานในอนาคต เพราะรัฐบาลจีนได้มีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศ โดยเน้นการสร้างโรงงานใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลายปี 2563 Sunpower บริหาร 9 โครงการในจีน และอีก 4 โครงการกำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง 

Sunpower มองว่า เศรษฐกิจหมุนเวียนกำลังเป็นเทรนด์ และมีโอกาสที่จะสร้างรายได้ในระยะยาวให้กับบริษัท จึงลงทุนในโครงการรักษาสิ่งแวดล้อมสูงถึง 2,500 ล้านหยวน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รายได้จากธุรกิจกลุ่มนี้ มีสัดส่วน 50% ของรายได้บริษัท 

งบการเงินย้อนหลัง 1 ปี Sunpower มีรายได้อยู่ที่ 792 ล้านหยวน โตขึ้น 13.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มี GPM อยู่ที่ 25.13% OPM อยู่ที่ 16.05% และ NPM  อยู่ที่ 11% ซึ่ง Margin ทั้ง 3 ตัวมีการเติบโตเฉลี่ย 22% 

Sunpower รายงานว่า ธุรกิจรักษาสิ่งแวดล้อมจะเป็นโครงการที่สร้างกระแสเงินสดให้กับทางบริษัทได้ในระยะยาว การคำนวณ IRR (Internal Rate of Return) เป็นตัวเลข 2 หลัก ต้องดูว่า จะทำได้จริงหรือไม่

อ่านงบย้อนหลัง Jitta Factsheet


อันดับ 8 iFAST Corporation

iFast อยู่ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ เป็นฟินเทคที่ให้บริการในด้านเทคโนโลยีทางการเงินให้กับธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชนที่ต้องการระบบการเงินหลังบ้าน ที่มีความแม่นยำ เสถียร และช่วยจัดการดูแลลูกค้า ให้บริการในรูปแบบ B2B (Business to Business) และ B2C (Business to Customer)

ข้อมูลถึงไตรมาสที่ 3 ปี 2563 มีทรัพย์สินภายใต้การให้บริการ (AUA – Asset Under Administration) ของ iFast มีมูลค่า 12,590 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์อยู่ใน 3 ประเทศหลักคือ สิงคโปร์ 67.4%, ฮ่องกง 20%, มาเลเชีย 9.3% และอีก 3.3% เป็นจีนและอินเดีย สินค้าที่ให้บริการมีทั้งหมดมากกว่า 7,000 กองทุนที่อยู่ภายใต้กว่าดูแล 270 บริษัท และการลงทุนแบบเงินฝาก พันธบัตร หุ้น หน่วยลงทุน และ ETF ในสิงคโปร์ ฮ่องกง และสหรัฐฯ 

iFast มีลูกค้าที่ให้บริการในรูปแบบ B2B และ B2C 450 รายจากสถาบันการเงิน และ 9,000 รายจากบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ดูแลมากกว่า 500,000 บัญชี ซึ่งรายได้ที่แบบหมุนเวียน (Recurring) ของสัดส่วน AUA เฉลี่ยสี่ปีย้อนหลังอยู่ที่ 0.601%  และ 0.127% สำหรับรายได้แบบครั้งเดียว (Non-recurring) 

งบการเงินย้อนหลัง 1 ปี iFast มีรายได้อยู่ที่ 156 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 30.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี GPM OPM และ NPM เฉลี่ยอยู่ที่ 28.08% 11.85% และ 10.93% ตามลำดับ โดยที่ OPM และ NPM เพิ่มขึ้น 3.93% ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ iFast สามารถสร้างบริการตอบโจทย์คนใช้งาน และมีความสามารถทำกำไรให้บริษัทได้

อ่านงบย้อนหลัง Jitta Factsheet


อันดับ 9 China Resources Beer (Holdings)

CRB อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง แต่เป็นบริษัทจากจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มรายใหญ่ รวมทั้งจำหน่ายเบียร์ยี่ห้อดังอย่าง Heineken และ Snow ในจีน CRB มีโรงงานต้มเบียร์ทั้งหมด 74 โรงงาน 

โดยในครึ่งปีแรกของปี 2563 CRB ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 รายได้ลดลง 7.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 แต่ CRB บอกว่า ปริมาณการขายโตขึ้น 5.3% เป็น 6.039 ล้านกิโลลิตร แซงหน้าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทาง CRB มีแผนงานที่จะเปิดสินค้าใหม่ปลายปี 2563 จากยี่ห้อ Heineken Snow และ Lowen

ปัจจุบันจีนแผ่นดินใหญ่มีเบียร์ในตลาดมากถึง 60 ยี่ห้อ จาก Sohu.com ได้เขียนไว้ว่า  Snow เป็นเบอร์ 1 ของตลาด ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 23% และ Heineken อยู่อันดับ ที่ 8

งบการเงินย้อนหลัง 1 ปี CRB มี GPM 46.60% OPM 21.80% และ NPM 20.78% ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากจากปีก่อน ถือว่ายังมีงบการเงินที่แข็งแกร่ง และสามารถอยู่ได้ในช่วง Covid-19 

อ่านงบย้อนหลัง Jitta Factsheet


อันดับ 10 Micro-Star International

Micro-Star อยู่ในตลาดหุ้นไต้หวัน เป็นที่รู้จักในหมู่คนเล่นเกมในนามของ msi ผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จอมอนิเตอร์ และแล็บท็อป โดยพัฒนาระบบการวิเคราะห์สี ภาพ และสัมผัสของอุปกรณ์ดิจิทัล ซึ่งตอนนี้ระบบสามารถรับรองการเล่นเกมแบบ 4K ที่ให้ภาพคมชัด

นอกจากนี้ยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แล้วยังมีการให้บริการลูกค้าองค์กรในด้านการสื่อสาร ระบบเซิร์ฟเวอร์ และ IoT พร้อมกับเป็นผู้จำหน่ายระบบ Funtoro ที่เน้นการติดตามและแจ้งเตือน เพื่อพัฒนาการขับรถยนต์

สัดส่วนรายได้ของบริษัทปี 2562 มีสัดส่วน 41.23% อยู่ในเอเชีย ยุโรป 26.83% และสหรัฐฯ 27.49% 

งบการเงินย้อนหลัง 1 ปี Micro-Star มีรายได้อยู่ที่ 136,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน โตขึ้น 15.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มี GPM OPM และ Ebitda Margin เพิ่มขึ้น 14.05% 5.93% และ 6.70% ตามลำดับ เนื่องจาก Micro-Star มีสินทรัพย์ประเภทเครื่องจักรมาก หากดู Ebitda Margin จะวัดความสามารถการทำกำไรได้มากกว่า เพราะรายได้จะโดนหักค่าเสื่อมออก

อ่านงบย้อนหลัง Jitta Factsheet


จะเห็นได้ว่า หุ้นเด่น 10 อันดับที่เราเลือกมา ล้วนแล้วแต่เป็นกิจการที่มีความน่าสนใจ มีธุรกิจที่สะท้อนเมกะเทรนด์ของผู้บริโภคที่พึ่งพาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ดิจิทัลมากขึ้น เพราะธุรกิจกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบน้อยมากในช่วงวิกฤต Covid-19 

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจดั้งเดิม เช่น ธนาคารพาณิชย์ พลังงาน เครื่องดื่ม และคอนแทกต์เลนส์ ที่เรามองว่า ยังทำธุรกิจสินค้าและบริการจำเป็น และมีโอกาสฟื้นตัวหลังจาก Covid-19 คลี่คลาย

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว…คุณน่าจะมีคำตอบแล้วว่า จะเลือกหุ้นดีๆ ตัวไหน ลงทุนรับตรุษจีน


สนใจอ่านบทความอื่นที่เกี่ยวกับการลงทุนที่จะมาช่วยให้คุณลงทุนได้อย่างสบายใจ กำไรอย่างยั่งยืน

ข้อมูล ณ วันที่ 05-02-2021