สืบเนื่องจากบทความของท่านอาจารย์ ดร. นิเวศน์ เรื่องสัญญาณแห่งดอย นั้น มีข้อนึงที่บอกว่า
มีคนเคยศึกษาหรือให้ข้อสังเกตว่า ถ้าหุ้นกว่า 75% ในตลาดหลักทรัพย์นั้นมีราคาสูงกว่าแนวโน้มระยะยาวของมันมาระยะหนึ่งซึ่งอาจจะหลายปีแล้ว ต่อมาจำนวนมันลดต่ำลงกว่า 75% นี่ก็อาจเป็นสัญญาณว่า หุ้นถึงดอยแล้ว ผมเองไม่ทราบว่ามีใครศึกษาเรื่องแบบนี้ในตลาดหุ้นไทยหรือไม่ ความเชื่อของผมก็คือ หุ้นไทยในช่วงเร็วๆนี้นั้น กว่า 75% มีราคาสูงกว่าแนวโน้มระยะยาว เพราะราคาหุ้นได้สูงขึ้นมามาก สิ่งที่ไม่รู้ก็คือ ขณะนี้มันลดลงมาต่ำกว่า 75% หรือไม่
– ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ทำให้มีบางคนสงสัยและอีเมล์มาถามผมในเรื่องนี้ครับ เพราะบอกว่า หาข้อมูลไม่ได้เลย และ คิดว่า Jitta ที่มีข้อมูลงบการเงิน คุณภาพ และ มูลค่า ของทุกหุ้นเก็บไว้ น่าจะสามารถดึงข้อมูลตรงนี้มาดูได้
ทาง Jitta ก็เลยลองดึงข้อมูลมาดู และผมคิดว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจเหมือนกัน จึงขอนำมาให้ทุกคนได้ดูด้วยครับ โดยข้อมูลนั้นจะเป็นดังนี้ครับ
- แบ่งแยกออกเป็นตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นอเมริกา เพื่อให้สามารถดูเปรียบเทียบกันได้
- ข้อมูลหลักจะเป็นการหาอัตราส่วนระหว่าง หุ้นที่เกินมูลค่า (หุ้นที่มีราคาสูงกว่า Jitta Line) ต่อ จำนวนหุ้นทั้งหมดในตลาด
- ข้อมูลรองจะเป็นการหาอัตราส่วน หุ้นที่เกินมูลค่า เทียบกับ หุ้นทั้งหมด เหมือนกับข้อมูลหลัก แต่จะแยกให้เห็นตามคุณภาพบริษัท (ตาม Jitta Score) ด้วย เพื่อให้มองเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า หุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพสูงนั้น ส่วนมากราคาสูงเกินมูลค่าแล้วมากน้อยแค่ไหน
- วันที่ทำการเก็บข้อมูลคือ ทุกวันสิ้นปี ตั้งแต่ปี 2005 – 2014 ครับ ซึ่งก็จะมีค่าดัชนี SET, S&P 500 ณ วันสิ้นปีด้วย จะได้มองเห็นภาพเทียบกับตลาดได้ครับ
ซึ่งผลที่ออกมานั้นจะเห็นได้ว่า
ตลาดหุ้นไทยสมัยก่อนนั้น ค่อนข้าง under value มากครับ มีหุ้นที่ราคาแพงกว่ามูลค่าอยู่ประมาณ 30% ของหุ้นทั้งหมด แต่ตัวเลขนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จน ณ สิ้นปี 2014 นั้น มีหุ้นที่แพงกว่ามูลค่าอยู่ประมาณ 64.03% ของหุ้นทั้งหมดครับ
ทั้งนี้ในปี 2008 ที่เกิดวิกฤตการเงินที่อเมริกานั้น ตลาดหุ้นไทยก็ร่วงไปด้วย ทั้งๆที่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดีอยู่ ทำให้ ณ วันสิ้นปี 2008 นั้น มีหุ้นที่ราคาแพงกว่าพื้นฐานเพียงแค่ 25.6% เท่านั้นเอง ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดแล้วใน 10 ปี ตั้งแต่ปี 2005-2014 ครับ
และในปี 2008-2009 นั้น หุ้นที่มี Jitta Score 7.01-10 นั้น แทบทุกตัวมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงทั้งหมดเลยครับ (อัตราส่วนหุ้นที่เกินมูลค่าต่อหุ้นทั้งหมดอยู่ที่ 0% และ 5.26%)
ในขณะที่ตลาดหุ้นอเมริกา ซึ่งคนส่วนมากรู้จักเรื่องการลงทุนมานานมากแล้ว เรียกว่าเป็นตลาดทุนที่ล้ำหน้าตลาดไทยไปมากพอสมควรนั้น โดยปรกติแล้ว หุ้นที่มีราคาแพงกว่ามูลค่านั้น จะอยู่ที่ประมาณ 60% ของหุ้นทั้งหมดครับ และตัวเลขนี้ก็เพิ่ม
ขึ้นเป็น 73.14% และ 72.5% ณ สิ้นปี 2013 และปี 2014 ตามลำดับ
และเช่นกันครับ ในปี 2008 ก็เป็นปีที่ตลาดหุ้นอเมริกาตกต่ำเหมือนกัน ทำให้อัตราส่วนนี้ต่ำสุดในรอบ 10 ปีเหมือนกัน อยู่ที่ 54.47% (ซึ่งก็ยังคงสูงมากอยู่ดี เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทยในช่วงเวลาเดียวกัน)
และในปี 2014 ล่าสุด หุ้นที่มี Jitta Score 7.01-10 ในอเมริกานั้น 86.97% ก็สูงกว่า Jitta Line ไปเรียบร้อยแล้ว และก็เป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดใน 10 ปีด้วยครับ ดังนั้นก็น่าจะแสดงว่า ตลาดหุ้นในอเมริกาเริ่มแพงเกินมูลค่ามากกว่าในอดีตพอสมควรแล้วครับ
ทั้งนี้ใครสนใจดูตัวเลขอัตราส่วนนี้ในปีต่างๆ ก็เข้าไปดูในรูปภาพกันได้เลยนะครับ แต่ผมก็ขอบอกไว้นิดนึงนะครับว่า อันนี้ก็เป็นข้อมูลง่ายๆที่ดึงมาจาก Jitta เพื่อให้เห็นว่ามีหุ้นที่มีราคาเกิน Jitta Line มากน้อยแค่ไหนครับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะใช้เป็นสัญญาณบอกว่าหุ้นถึงดอยหรือยังได้ไหม และตัวเลข 75% ที่ ดร.นิเวศน์ เขียนไว้นั้น ก็เป็นเลขอ้างอิงจากแหล่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Jitta ดังนั้นก็ไม่ควรมาใช้เทียบกับข้อมูลที่ Jitta ทำมานี้ซะทีเดียวครับ ถ้าจะให้ดีน่าจะดูอัตราส่วนนี้เทียบกับเองใน 10 ปีย้อนหลัง และ เทียบกันระหว่างตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นอเมริกา เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นดีกว่าครับ
ซึ่งในกรณีนี้ ถ้าดูเทียบกันแล้ว ก็จะเห็นว่า แนวโน้มของทั้งตลาดหุ้นไทยและอเมริกานั้น ค่อยๆแพงขึ้นมาเรื่อยๆ และปัจจุบันจำนวนหุ้นที่เกินมูลค่าก็มีอัตราส่วนมากที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับในอดีตครับ ก็น่าจะพอสรุปได้ว่า ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมากระดับนึงแล้ว ถ้าจะลงทุนก็ต้องใช้ความระมัดระวังให้ดีครับ
แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร ถ้าเรายังค้นเจอ “บริษัทที่ยอดเยี่ยม ในราคาที่เหมาะสม” ก็ยังคงสามารถลงทุนได้เสมอเช่นเคยครับ