by Jitta
วันที่ 14 ส.ค. 2563 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 14 ส.ค. 2563
ร้านปิด 46 วัน วัสดุก่อสร้างสะเทือนแค่ไหน?

46 วัน กับการปิดหน้าร้านขายวัสดุก่อสร้าง คาดกันว่างบน่าจะไม่ดีเพราะโอกาสในการขายหายไปครึ่งไตรมาส

แต่งบ Q2 ของทั้ง HMPRO และ GLOBAL กลับออกมาดีกว่าคาด จะเป็นอย่างไร เราไปดูกัน

Home Pro (HMPRO)

พี่ใหญ่ในวงการ เน้นลูกค้าเจ้าของบ้านหรืองานโครงการเป็นหลัก แบ่งสินค้าเป็น 2 กลุ่มหลักคือ

  1. Hard Line สินค้าที่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง สี สุขภัณฑ์ เครื่องครัว และ
  2. Soft Line เครื่องนอน พรม ผ้าม่าน เฟอร์นิเจอร์ โคมไฟ สินค้าตกแต่ง

โดยเน้นไปที่ Hard Line ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 65%

นอกจากนี้ก็มีรายได้จากค่าเช่าจาก Market Village และงานบริการ Home Services ล้างแอร์ ติดตั้ง ซ่อมแซม อุปกรณ์ต่างๆ ในบ้าน

ปัจจุบันมี 113 สาขา แบ่งได้ตามประเภทร้านค้าคือ Home Pro 93 สาขา Mega Home 14 สาขา และ Home Pro ที่มาเลเซีย 6 สาขา

งบการเงิน

  • รายได้ Q2 เท่ากับ 14,389 ล้านบาท -18.1% มองเผินๆ ติดลบเยอะ แต่ปิดสาขาไปครึ่งไตรมาส ลบแค่นี้เรียกว่าเก่งมากแล้ว
  • SSSG หรือการเติบโตของยอดขายร้านเดิม -17%
  • House Brand มีสินค้ามากกว่า 36 แบรนด์ของตัวเอง และสินค้ามากกว่า 3,000 รายการ สัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 19.8% ซึ่งไม่ค่อยเพิ่มเท่าไหร่ ถ้าขาย house brand ได้เยอะจะได้มาร์จิ้นเพิ่ม
  • กำไรสุทธิ 942 ล้านบาท -38.2% เพราะต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดได้ไม่เยอะ ยังต้องมีค่าพนักงาน ค่าธรรมเนียม ค่าน้ำไฟ ที่เป็น fix cost อยู่
  • Jitta Score 6.48 สูงมากทีเดียว
  • Jitta Factors ดูโดดเด่นในเรื่องของตัวเลขการเงิน และผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ไปดูที่ Jitta Signs จะเห็นรายละเอียดว่า รายได้และกำไรเติบโตสม่ำเสมอ (แม้ว่าจะค่อยๆ แผ่วลง) หนี้สินระยะยาวต่ำ ROE สูงเกือบ 30%
  • P/E 38.2 เท่า P/BV 10.4 เท่า
  • ราคาแพงกว่า Jitta Line 175.8%

แนวโน้มในอนาคตของ HMPRO

หลังจากมีการคลายล็อกดาวน์กลับมาเปิดร้านอีกครั้ง เราเริ่มเห็นคนเข้ามาในร้านเป็นจำนวนมาก ทำให้ SSSG เริ่มกลับมาเป็นบวก แต่ก็ต้องจับตาดูว่าจะเป็นแค่ pent up demand หรือกำลังซื้อที่อั้นมาตอนร้านปิดหรือไม่ และช่วง Q3 มีการกลับมาจัดงาน Home Pro Expo ได้อีกครั้ง ผลตอบรับกลับมาค่อนข้างดีพอสมควร

Siam Global House (GLOBAL)

เน้นลูกค้าช่าง ผู้รับเหมา งานโครงการเป็นหลัก แบ่งสินค้าเป็น 2 กลุ่มหลักคือ งานวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก ปูนซีเมนต์ ท่อน้ำ หลังคา และ กลุ่มงานตกแต่ง เช่น ประตู หน้าต่าง สุขภัณฑ์ กระเบื้อง สี โดยกลุ่มงานตกแต่งเป็นสัดส่วนหลักประมาณ 60% ของรายได้

ปัจจุบันมี 68 สาขา มีแบบเดียว เป็นร้านขนาดใหญ่ ส่วนมากอยู่แถบปริมณฑล อยู่ต่างจังหวัด และมีเปิดที่กัมพูชา 1 สาขา

งบการเงิน

  • รายได้ Q2 เท่ากับ 6,405 ล้านบาท -16.4% รายได้น้อยกว่า HMPRO กว่าครึ่งนึง เติบโตลดลงพอๆ กัน ถือว่าดี เพราะปิดร้านไปครึ่งไตรมาสเช่นกัน
  • SSSG หรือการเติบโตของยอดขายร้านเดิม -19% มากกว่า HMPRO นิดหน่อย
  • House Brand มีสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ (มากกว่า HMPRO 3 เท่า) และสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากจาก Q1 ที่ 17% มาเป็น 19.4% ใน Q2 ทำให้ GPM กระโดดจาก 22.6% มาเป็น 23.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน
  • กำไรสุทธิ 507 ล้านบาท -2.5% ถือว่าดีกว่าคาดมากๆ
  • Jitta Score 5.85 ถือว่าดี
  • Jitta Factors ดูโดดเด่นในเรื่องของตัวเลขการเงิน
  • ไปดูที่ Jitta Signs จะเห็นรายละเอียดว่า รายได้และกำไรเติบโตสม่ำเสมอ หนี้สินระยะยาวต่ำ จ่ายปันผลทุกปี แต่ก็จะมีการลงทุนที่สูง เพราะยังเน้นขยายสาขาอยู่
  • P/E 40.4 เท่า P/BV 5.4 เท่า
  • ราคาแพงกว่า Jitta Line 85.2%

แนวโน้มในอนาคตของ GLOBAL

ภาพคล้าย HMPRO คือ หลังคลายล็อกดาวน์กลับมาเปิดร้านอีกครั้ง เริ่มเห็นคนเข้ามาในร้านเป็นจำนวนมาก ทำให้ SSSG เริ่มกลับมาเป็นบวก ต้องดูว่าเป็นแค่ pent up demand หรือกำลังซื้อของจริง แต่ที่ดูน่าสนใจกว่าคือ แผนในการเปิดร้านอีก 4 สาขา รวมไปถึงสินค้า House Brand ที่กำลังมาแรง และจะช่วยเพิ่มมาร์จิ้นให้อีกมากทีเดียว

โดยสรุปแล้วทั้ง HMPRO และ GLOBAL ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ไปเต็มๆ แต่ก็ต้องบอกว่าจากการปรับตัวที่ดีทำให้ผลกำไรออกมาดีกว่าคาดมาก แต่ GLOBAL อาจจะดูได้เปรียบนิดๆ ในแง่ที่ว่าสินค้า House Brand กำลังขายดี และยังขยายสาขาต่อเนื่อง ขณะที่ HMPRO เองนั้นออกแนวประคับประคองตัวค่อยๆ เดินช้าๆ แบบมั่นคงมากกว่า

#Jitta #วิตามินหุ้น #HMPRO #GLOBAL

Source: S&P Global Market Intelligence เรียบเรียงโดย Jitta