by Phillip
วันที่ 9 ก.ย. 2568 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 10 ก.ย. 2568
S&P 500 และ Nasdaq 100 ต่างกันอย่างไร ? อธิบายครบทุกแง่มุม

S&P 500 หรือ Nasdaq 100 ดัชนีคือตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณ ?

เมื่อพูดถึงตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะได้ยินชื่อดัชนี S&P 500 และ Nasdaq 100 อยู่บ่อยครั้ง ดัชนีทั้งสองนี้ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของตลาดหุ้น แต่มีความแตกต่างกันในเชิงโครงสร้างและกลยุทธ์การลงทุน ด้วยเหตุนี้ การเข้าใจว่า S&P 500 และ Nasdaq 100 ต่างกันอย่างไร ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

S&P 500 คือดัชนีที่ประกอบไปด้วย 500 บริษัทมูลค่าสูงสุดในอเมริกา

S&P 500 คืออะไร ?

S&P 500 (Standard & Poor’s 500) คือดัชนีตลาดหุ้นที่รวบรวม 500 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของภาวะเศรษฐกิจโดยรวม S&P 500 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1957 โดยบริษัท Standard & Poor’s ดัชนีนี้ถูกออกแบบมาให้สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ครอบคลุมอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น 

  • เทคโนโลยี (Apple, Microsoft, Nvidia)
     
  • การเงิน (JPMorgan Chase, Goldman Sachs, Bank of America)
     
  • พลังงาน (ExxonMobil, Chevron)
     
  • สุขภาพ (Pfizer, Johnson & Johnson)
     
  • อสังหาริมทรัพย์ (Prologis, American Tower)
     
  • สินค้าอุปโภคบริโภค (Coca-Cola, Procter & Gamble)

ด้วยความที่ดัชนีนี้ประกอบไปด้วยบริษัทจากภาคเศรษฐกิจที่หลากหลาย ทำให้เป็นหนึ่งในดัชนีที่มีความเสถียรที่สุด และถูกใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) ในการประเมินผลการลงทุนของกองทุนและพอร์ตโฟลิโอทั่วโลก

คำอธิบายว่า S&P 500 และ Nasdaq 100 ต่างกันอย่างไร

Nasdaq 100 คืออะไร ?

Nasdaq 100 คือดัชนีที่รวบรวม 100 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ซึ่งเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงด้านบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ดัชนีนี้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 1985 เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของบริษัทที่มีการเติบโตสูง โดยจะเน้นลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหลัก ตัวอย่างบริษัทที่อยู่ใน Nasdaq 100 ได้แก่ 

  • เทคโนโลยี : Apple, Microsoft, Amazon, Nvidia, Meta
     
  • เทคโนโลยีชีวภาพ : Moderna, Amgen, Regeneron
     
  • โทรคมนาคม : Comcast, Verizon
     
  • ค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ : Amazon, Costco
     
  • อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง: Tesla, Netflix
     

เปรียบเทียบ S&P 500 กับ Nasdaq 100

โครงสร้างของดัชนี

โครงสร้างของ S&P 500 และ Nasdaq 100 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดย S&P 500 คือดัชนีที่ถูกออกแบบมาให้เป็นตัวแทนของตลาดหุ้นสหรัฐโดยรวม ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทจากหลากหลายอุตสาหกรรม ขณะที่ Nasdaq 100 มีลักษณะเฉพาะตัวมากกว่าเพราะมุ่งเน้นไปที่บริษัทเทคโนโลยีเป็นหลัก

  • S&P 500 ประกอบด้วย 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงบริษัทจากทุกภาคส่วน เช่น เทคโนโลยี การเงิน พลังงาน สุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ และสินค้าอุปโภคบริโภค
     
  • Nasdaq 100 ประกอบด้วย 100 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาด Nasdaq ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี เช่น Apple, Microsoft, Nvidia, Tesla และ Meta โดยไม่มีบริษัทในภาคการเงิน เช่น ธนาคารหรือบริษัทประกันภัย

ความแตกต่างนี้ทำให้ S&P 500 คือดัชนีที่มีโครงสร้างสมดุลกว่าและเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาพรวม ส่วน Nasdaq 100 นั้นมีความเข้มข้นในภาคเทคโนโลยี ซึ่งสามารถทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้นในช่วงที่เทคโนโลยีเติบโต แต่ก็มีความเสี่ยงจากการพึ่งพาภาคส่วนเดียวมากเกินไป

อุตสาหกรรมหลักของแต่ละดัชนี

การกระจายตัวของอุตสาหกรรมในแต่ละดัชนีมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

  • S&P 500 มีการกระจายตัวของอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างสมดุล โดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีสัดส่วนประมาณ 30-35% และอุตสาหกรรมอื่น ๆ มีการกระจายตัวทั่วถึง เช่น การเงิน สุขภาพ และพลังงาน
     
  • Nasdaq 100 มีสัดส่วนของบริษัทเทคโนโลยีมากกว่า 50% และยังมีบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพ อีคอมเมิร์ซ และโทรคมนาคม ทำให้เป็นดัชนีที่มีความเป็น “Tech-Centric” สูง

ดังนั้น นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังหลายภาคอุตสาหกรรมอาจชื่นชอบ S&P 500 มากกว่า ในขณะที่นักลงทุนที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาจมองว่า Nasdaq 100 มีศักยภาพมากกว่า

ประสิทธิภาพและความผันผวน

ความแตกต่างในโครงสร้างอุตสาหกรรมส่งผลโดยตรงต่อความผันผวนของแต่ละดัชนี

  • S&P 500 มีความผันผวนต่ำกว่า เนื่องจากมีการกระจายตัวของอุตสาหกรรมอย่างหลากหลาย หากอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งมีปัญหา อุตสาหกรรมอื่นสามารถช่วยชดเชยผลกระทบได้
     
  • Nasdaq 100 คือดัชนีที่มีความผันผวนสูงกว่า เพราะพึ่งพาภาคเทคโนโลยีอย่างสูง ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอก เช่น อัตราดอกเบี้ย นโยบายการเงิน และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

ตัวอย่างเช่น ในปี 2022 Nasdaq 100 ร่วงลงกว่า 30% เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องพึ่งพาเงินลงทุนสูง ขณะที่ S&P 500 ลดลงประมาณ 18% เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

ผลตอบแทนในอดีต

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2015-2024) Nasdaq 100 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ประมาณ 17-20% ในขณะที่ S&P 500 ให้ผลตอบแทนประมาณ 10-13% โดยเหตุผลที่ Nasdaq 100 ให้ผลตอบแทนได้สูงกว่า คือการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมสูง เช่น Apple, Microsoft, Amazon และ Tesla

อย่างไรก็ตาม ถ้ามองย้อนกลับไปในช่วงวิกฤตดอตคอมในปี 2000-2002 Nasdaq 100 ปรับตัวลดลงกว่า 80% ในขณะที่ S&P 500 ปรับตัวลงน้อยกว่าที่ประมาณ 50%

Nasdaq 100 คือดัชนี 100 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดใน Nasdaq

ควรลงทุนใน S&P 500 หรือ Nasdaq 100 ดี ?

S&P 500 เหมาะกับใคร ?

  • นักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวและต้องการความมั่นคง
     
  • ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังหลากหลายอุตสาหกรรม
     
  • นักลงทุนที่ต้องการให้พอร์ตของตนมีการเติบโตในอัตราที่มั่นคง และไม่ต้องการเผชิญกับความผันผวนสูง
     
  • ผู้ที่มองหาดัชนีที่สะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ล่าวคือ S&P 500 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบ Passive Investment ผ่านกองทุนดัชนี (Index Fund) หรือ ETF เช่น SPY หรือ VOO ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำและให้ผลตอบแทนที่สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภาพรวม

Nasdaq 100 เหมาะกับใคร ?

  • นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงสูงได้ และต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่า
     
  • ผู้ที่เชื่อมั่นในภาคเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว
     
  • นักลงทุนที่สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดี และมองหาการลงทุนที่อาจให้ผลตอบแทนสูงในอนาคต
     
  • ผู้ที่ต้องการโอกาสในการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เช่น Apple, Microsoft, Nvidia และ Tesla

ด้วยเหตุนี้ Nasdaq 100 คือดัชนีที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีมุมมองเชิงรุกและต้องการลงทุนใน ETF เช่น QQQ หรือ TQQQ (ซึ่งเป็น leveraged ETF) เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไร

ข้อมูลที่บทความนี้นำเสนอ น่าจะทำให้เข้าใจกระจ่างแล้วว่า S&P 500 และ Nasdaq 100 ต่างกันอย่างไร และสำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถซื้อขายดัชนี S&P 500, Nasdaq 100 รวมถึงดัชนีอื่น ๆ และซื้อหุ้นต่างประเทศกับบริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในกลุ่มบริษัท PhillipCapital จากสิงคโปร์ ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี มีเครือข่ายใน 5 ทวีป 15 ประเทศทั่วโลก พร้อมช่วยให้คำแนะนำในการดำเนินการทุกขั้นตอน ด้วยประสบการณ์ดำเนินธุรกิจในไทยนานกว่า 27 ปี เราให้บริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ใน 13 ตลาดทั่วโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สิงคโปร์ และอีกหลากหลายประเทศ สามารถเลือกถือเงินได้หลายสกุล 

เปิดบัญชีผ่านออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ https://aoo.poems.in.th/account/login/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์ 02-635-3055 มีเจ้าหน้าที่ซัพพอร์ตคนไทยให้บริการ 24 ชั่วโมง (จันทร์-ศุกร์) และที่ LINE Official @PhillipGlobal

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

ข้อมูลอ้างอิง: 

the Nasdaq 100 Index or the S&P 500 Index?. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 จาก https://www.investopedia.com/nasdaq-100-index-or-s-and-p-500-index-8779644