สำหรับมือใหม่หัดลงทุน อาจยังมีคำถามคาใจว่า ควรเริ่มต้นลงทุนยังไงดี ? เนื่องจากการลงทุนในตลาดนี้ดูเป็นเรื่องท้าทาย ทั้งยังเต็มไปด้วยคำศัพท์และข้อมูลมากมายที่ต้องเรียนรู้ บทความนี้จึงได้รวบรวมสิ่งสำคัญที่มือใหม่หัดลงทุนทุกคนควรรู้เอาไว้ เพื่อเตรียมตัวก่อนลงทุนในสนามเทรดจริง
ทำไมต้องลงทุนหุ้น ?
ในปัจจุบัน ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน การมีรายได้เพียงทางเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันและเป้าหมายในอนาคตได้อีกต่อไป การลงทุนในหุ้นจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่หลายคนอยากจะต่อยอดเงินเก็บให้เติบโต เพื่อสร้างความมั่งคั่งและความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว เนื่องจากสามารถสร้างผลตอบแทนได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นจากเงินปันผล หรือกำไรจากการขายหุ้นเมื่อราคาสูงขึ้น
ปูพื้นฐาน “หุ้น” คืออะไร มีกี่ประเภท ?
หุ้น คือตราสารทางการเงินประเภทหนึ่งที่แสดงถึงสิทธิในความเป็นเจ้าของของบริษัทมหาชน เมื่อเลือกซื้อหุ้นของบริษัทใด ก็เปรียบเสมือนได้ร่วมลงทุนในบริษัทนั้น บริษัทที่ออกหุ้นจะระดมทุนจากผู้ลงทุน เพื่อนำเงินไปใช้พัฒนากิจการและดำเนินธุรกิจ โดยหุ้นจะมีอยู่ 2 ประเภทหลัก คือ
- หุ้นสามัญ (Common Stock) เป็นหุ้นที่นิยมลงทุนกันมากที่สุด เพราะมีสิทธิในการออกเสียงเมื่อมีการประชุมผู้ถือหุ้น และมีสิทธิได้รับเงินปันผล หากบริษัทมีกำไร แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นประเภทอื่น เพราะมูลค่าของหุ้นสามัญจะผันผวนตามผลประกอบการของบริษัท
- หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock): เป็นหุ้นที่มีสิทธิพิเศษกว่าหุ้นสามัญ เช่น มีสิทธิได้รับเงินปันผลก่อนหุ้นสามัญ และมีสิทธิได้รับทรัพย์สินคืนก่อนหุ้นสามัญในกรณีที่บริษัทต้องล้มละลาย แต่หุ้นบุริมสิทธิมักจะไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น

ลงทุนในหุ้นดีอย่างไร ?
ท่ามกลางตัวเลือกทางการเงินมากมาย หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องลงทุนในหุ้น ซึ่งการลงทุนในหุ้นมีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- โอกาสรับผลตอบแทนสูง การลงทุนในหุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคารหรือตราสารหนี้ประเภทอื่น เนื่องจากราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นตามผลประกอบการของบริษัท แต่ก็ความเสี่ยงสูงกว่าเช่นกัน
- รับเงินปันผล นักลงทุนที่ถือหุ้นของบริษัทที่มีกำไรจะได้รับเงินปันผล ซึ่งเป็นรายได้เสริมจากการลงทุน โดยเฉพาะบริษัทที่มีนโยบายจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
- โอกาสในการเติบโต มูลค่าของหุ้นมีโอกาสเติบโตตามการเติบโตของธุรกิจ หากบริษัทที่ลงทุนสามารถขยายตัวและเพิ่มกำไร ราคาหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ความเสี่ยงในการลงทุน
แม้ว่าการลงทุนในหุ้นจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนี้
- ความเสี่ยงจากราคาหุ้นผันผวน โดยราคาหุ้นสามารถผันผวนขึ้นลงตามสภาพตลาด หากซื้อหุ้นในตอนที่ราคาสูงแล้วราคาปรับตัวลงในภายหลัง อาจทำให้ขาดทุนเมื่อขายหุ้นในช่วงราคาตก
- ความเสี่ยงจากบริษัท หากบริษัทที่ลงทุนประสบปัญหาทางธุรกิจ เช่น กำไรลดลง หรือมีหนี้สินมาก ราคาหุ้นก็จะดิ่งลง ซึ่งอาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนได้
- ความเสี่ยงจากสภาพเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ จะส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง บริษัททำกำไรได้น้อยลง และทำให้ราคาหุ้นลดลงเช่นกัน

สรุป ! คู่มือหุ้น 101 ฉบับพื้นฐาน มือใหม่เล่นหุ้นต้องดูอะไรบ้าง ?
มาทบทวนกันอีกครั้งว่าสำหรับมือใหม่หัดลงทุนที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี แนะนำว่าควรเริ่มจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น เช่น คำศัพท์ที่ใช้บ่อย กลยุทธ์การลงทุน รวมถึงการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์หุ้นทั้งทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน ดังนี้
ศึกษาเกี่ยวกับหุ้นและตลาดหลักทรัพย์
โดยพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำศัพท์และข้อมูลพื้นฐาน เช่น
- ดัชนีหุ้น เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยดัชนีหุ้นจะช่วยให้สามารถมองเห็นแนวโน้มของตลาดและประเมินสภาวะของตลาดหุ้นได้
- ตลาดหลักทรัพย์ คือสถานที่ที่นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นและหลักทรัพย์อื่น เช่น ตราสารหนี้ กองทุนรวม และอนุพันธ์
- Indicator คือเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อช่วยนักลงทุนในการประเมินแนวโน้มของราคาหุ้น โดย Indicator จะนำข้อมูลราคาหุ้น ปริมาณการซื้อขาย และปัจจัยอื่นมาประมวลผลเป็นข้อมูลเชิงลึกเพื่อคาดการณ์ทิศทางของตลาด

เลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม
นักลงทุนมือใหม่ควรพิจารณากลยุทธ์การลงทุนที่ตรงกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้ โดยมี 2 กลยุทธ์พื้นฐาน ที่จะช่วยให้สามารถเริ่มต้นลงทุนได้อย่างมั่นใจ ดังนี้
- Value Investing (VI) คือกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการค้นหาหุ้นที่มีราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของบริษัท โดยนักลงทุนสามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เช่น ผลประกอบการ หนี้สิน สินทรัพย์ และศักยภาพในการเติบโต เพื่อประเมินว่าหุ้นถูกประเมินค่าต่ำเกินไปหรือไม่ หากพบหุ้นที่น่าสนใจควรซื้อและถือไว้ในระยะยาว เพื่อรอให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสู่ระดับที่เหมาะสม
- Dollar-Cost Averaging (DCA) คือกลยุทธ์การลงทุนโดยการซื้อสินทรัพย์ เช่น หุ้น หรือกองทุนรวม เป็นจำนวนเงินที่เท่ากันในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ทุกเดือน หรือทุกไตรมาส โดยไม่คำนึงถึงราคาตลาดในขณะนั้น เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด โดยการเฉลี่ยต้นทุนต่อหน่วย
ศึกษาข้อมูลบริษัทและอุตสาหกรรมโดยละเอียด
เช่น สถานะการเงิน ผลประกอบการ และโอกาสในการเติบโต รวมถึงอุตสาหกรรมที่บริษัทนั้นอยู่ โดยต้องติดตามสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากตลาดหุ้นเป็นการลงทุนที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การศึกษาตลาดและหาความรู้อย่างต่อเนื่อง จึงมีความสำคัญ เพื่อให้สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่อัปเดตใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วางแผนการเงินก่อนลงทุน
ก่อนเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่นและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีหลักการสำคัญที่ควรคำนึงถึง ได้แก่
- การกระจายความเสี่ยง หลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เพียงชนิดเดียว โดยใช้หลักการ “อย่าเอาไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” ซึ่งเป็นพื้นฐานของการลงทุน เนื่องจากการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม ตราสารหนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งได้
- ติดตามและปรับพอร์ตการลงทุน เนื่องจากตลาดหุ้นมีความผันผวน การติดตามผลการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุนเป็นระยะและปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับเป้าหมายและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จะช่วยให้สามารถควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและวิธีหลีกเลี่ยง
การจะประสบความสำเร็จในการลงทุน จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อย ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผลตอบแทนในการลงทุนได้
- การซื้อขายบ่อยเกินไป (Overtrading) โดยนักลงทุนมือใหม่หลายคนมักตื่นเต้นกับการซื้อขายหุ้น จึงพยายามที่จะทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น ซึ่งการซื้อขายบ่อยเกินไปอาจนำไปสู่ค่าคอมมิชชันที่สูงขึ้น เพิ่มโอกาสในการขาดทุนจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะฉะนั้น ก่อนเริ่มลงทุนควรกำหนดเป้าหมายและระยะเวลาในการลงทุนที่ชัดเจน ร่วมกับการใช้เครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ เช่น เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือการวิเคราะห์พื้นฐาน เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อขายและสร้างผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง
- การตัดสินใจด้วยอารมณ์ โดยเฉพาะเมื่อตลาดหุ้นมีความผันผวน อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและขาดเหตุผล ก่อนตัดสินใจซื้อ หรือขายหุ้น จึงควรศึกษาข้อมูลข่าวสารให้รอบคอบและวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันอย่างละเอียด หากรู้สึกไม่มั่นใจในการตัดสินใจเอง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน หรือใช้ตัวช่วยในการ Indicator หุ้น อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
การลงทุนในหุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงควบคู่กัน นักลงทุนมือใหม่จึงควรศึกษาข้อมูล เรียนรู้การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค ก่อนวางแผนการลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ โดย บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน บริษัทในเครือของกลุ่ม PhillipCapital พร้อมมอบคำปรึกษา ด้วยตัวช่วยในการ Indicator หุ้น เพื่อบริหารความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไร ดูแลทุกขั้นตอนโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูง

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

ข้อมูลอ้างอิง
- มือใหม่หัดลงทุนหุ้น. สืบค้นเมื่อ 7 ตุลาคม 2567 จาก https://elearning.set.or.th/SETGroup/playlists/10
