The way to look at a business is, “Is this going to keep producing more, and more, and more money over time?” And if the answer to that is yes, you don’t need to ask any more questions.
– Warren Buffett
เอามาเสริมให้จากเมื่อวานนะครับ การลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งระยะยาวนั้น ก็คือ การลงทุนในทรัพย์สินที่ “มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดที่มากขึ้นเรื่อยๆได้ปีแล้วปีเปล่า” นั่นเองครับ
ดังนั้นเวลาลงทุนให้มองกระแสเงินสดที่ทรัพย์สินสร้างได้เป็นหลักครับ อย่ามองส่วนต่างของราคาทรัพย์สิน เพราะสุดท้ายแล้วในระยะยาว ทรัพย์สินที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้เราสบายในระยะยาวครับ
ซึ่งมุมมองที่สำคัญในเรื่องนี้ก็คือ การมองที่ Passive Income เป็นหลักนั่นเองครับ
เนื่องจากการพยายามที่จะซื้อขายทรัพย์สินและทำกำไรจากส่วนต่างราคานั้น แม้ว่าจะทำได้ดี แต่สุดท้ายแล้วนั่นก็ยังเป็น Active Income อยู่ดีครับ และความเป็นจริงก็คือ คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ดังนั้นถ้าเรายังมีรายได้จาก Active Income อยู่ วันนึงก็จะถึงจุด limit ของการสร้างรายได้อยู่ดีครับ เพราะยิ่งเงินมากขึ้น ความเหนื่อยและความเครียดของการนั่งมองหาส่วนต่างราคาของทรัพย์สินต่างๆจะมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทรัพย์สินที่เราจะลงทุนได้ก็จะมีน้อยลงเรื่อยๆ และแน่นอน เมื่อถึงวันที่เราอยากจะพักจากการทำงาน ความมั่งคั่งของเราก็จะหยุดลงไปด้วยครับ
ในขณะที่ถ้าหากเราลงทุนในทรัพย์สินที่สร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นด้วยตัวเองได้ ก็จะเป็น Passive Income ในแง่ที่ว่าเวลาในการสร้างความมั่งคั่งของเราจะมีมากขึ้น เพราะว่า เรามีเวลา 24 ชั่วโมงที่ใช้ในการทำงานเหมือนเดิม แต่ตอนนี้มีทรัพย์สินอีก 1 อย่างที่ทำงานให้เราตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนกัน ถ้าในอนาคตมีทรัพย์สินแบบนี้สัก 10 อย่าง ก็เหมือนกับว่าเรามีเวลาสร้างความมั่งคั่งทั้งหมด 240 ชั่วโมงต่อวัน (โดยไม่นับเวลาของตนเอง ที่สามารถนำไปใช้ทำอย่างอื่นๆได้ นอกเหนือจากการทำงาน)
ดังนั้นถ้าหากเรามุ่งเน้นที่การครอบครองทรัพย์สินที่สร้าง Passive Income เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาวแล้ว ความมั่งคั่งของเราจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยทำงานน้อยลงเรื่อยๆนั่นเองครับ และเราจะมีความสุขกับการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างมากเมื่อเราอายุมากขึ้นๆครับ
ซึ่งเราก็จะเห็นได้ว่า มหาเศรษฐีระดับโลก ที่มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปีนั้น ทรัพย์สินส่วนมากที่เค้าถือครอง จะเป็นทรัพย์สินที่สร้างกระแสเงินได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปีนั่นเอง และเป็นทรัพย์สินที่เค้าถือครองกันมานานเป็นหลายๆสิบปี ไม่มีใครที่ร่ำรวยขึ้นมา จากการพยายามซื้อขายทรัพย์สินหลักของตนเองบ่อยๆ เลยสักคนเดียว
มาดูตัวอย่างกันดีกว่าครับ ว่าการลงทุนในทรัพย์สินที่สร้างกระแสเงินสดเพิ่มได้ ทำให้ชีวิตสบายขึ้นได้อย่างไร
สมมติว่าเรามีเงิน 1,000,000 บาท และลงทุนในทรัพย์สินที่สร้างกระแสเงินสดได้ 100,000 บาท และสามารถสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นได้ 10% ต่อปี ดังนั้น
- กรณีที่ 1 : เราถือครองทรัพย์สินนี้เพียงแค่ 1 ชิ้น เวลาผ่านไป 30 ปี เราจะมีทรัพย์สินมูลค่า 15 ล้านบาท ที่สร้างกระแสเงินสดให้กับเราได้ปีละ 1.5 ล้านบาท และถ้าหากเราไม่เคยใช้เงินสดที่ทรัพย์สินผลิตขึ้นมาให้เลย เราก็จะมีเงินสดอยู่อีกประมาณ 16.5 ล้านบาทครับ
- กรณีที่ 2 : เราเก็บสะสมเงินที่ได้รับจากกระแสเงินสดของทรัพย์สิน แล้วนำไปลงทุนในทรัพย์สินใหม่ ที่ผลตอบแทนการลงทุนเหมือนกับทรัพย์สินชิ้นแรก (สร้างกระแสเงินสดได้ 10% ของเงินลงทุน และเติบโตขึ้น 10% ทุกปี) โดยลงทุนทุกๆ 10 ปี
จะเห็นว่าเมื่อผ่านไป 30 ปี นั้น เราจะมีทรัพย์สินมูลค่า 65 ล้านบาท ที่สร้างกระแสเงินสดให้เราได้ปีละ 6.5 ล้านบาท และเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆ ซึ่งจะเห็นว่า ทั้งหมดนี้เกิดจากการตัดสินใจลงทุนที่ดีเพียงแค่ 4 ครั้งในชีวิตเท่านั้นเองครับ
- กรณีที่ 3 : เราเก็บสะสมเงินที่ได้รับจากกระแสเงินสดของทรัพย์สิน แล้วนำไปลงทุนในทรัพย์สินใหม่ ที่ผลตอบแทนการลงทุนเหมือนกับทรัพย์สินชิ้นแรก (สร้างกระแสเงินสดได้ 10% ของเงินลงทุน และเติบโตขึ้น 10% ทุกปี) โดยลงทุนทุกๆ 5 ปี
จะเห็นว่าเมื่อผ่านไป 30 ปี นั้น เราจะมีทรัพย์สินมูลค่า 104 ล้านบาท ที่สร้างกระแสเงินสดให้เราได้ปีละ 10.4 ล้านบาท และเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆ และความมั่งคั่งทั้งหมดนี้เกิดจากการตัดสินใจลงทุนที่ดีเพียงแค่ 7 ครั้งในชีวิตเท่านั้นเองครับ
ดังนั้นจะเห็นว่าจริงๆแล้ว ถ้าหากเราเข้าใจมุมมองเรื่อง Passive Income และมีความรู้ในการเลือกการลงทุนที่ดีในระดับนึงแล้ว เราก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และรอโอกาสการลงทุนดีๆไม่กี่ครั้งในชีวิต ก็เพียงพอที่จะสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้แล้วครับ
ในขณะที่คนที่พยายามทำเงินกำไรจากส่วนต่างราคานั้น ในช่วง 30 ปีเดียวกัน ก็อาจจะต้องใช้เวลาทั้งหมดไปกับการดูข้อมูลต่างๆให้วุ่นวายจากการซื้อๆขายๆทรัพย์สินนับร้อยๆครั้ง
และจะเห็นว่าเมื่อผ่านไป 30 ปีแล้ว แม้เราจะหยุดลงทุนไป ทรัพย์สินและกระแสเงินสดต่อปีของเราก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากคนที่พยายามหากำไรจากส่วนต่างที่เมื่อไหร่ก็ตามที่หยุดการลงทุนลง ทรัพย์สินก็จะหยุดการเติบโตนั่นเองครับ
สุดท้ายฝากให้ลองคิดกันดูนะครับว่า จากตัวอย่างที่ผมทำมาให้ดูนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากการลงทุนในทรัพย์สินที่ดีชิ้นแรกและค่อยๆนำเงินสะสมไปลงทุนในทรัพย์สินที่ดีเพิ่มอีกเรื่อยๆ
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากว่าเราซื้อทรัพย์สินชิ้นแรกในราคา 1,000,000 บาท แล้วในอีก 1 ปีถัดไป เราขายทรัพย์สินนี้ออกไปเพียงเพราะมีคนมาขอซื้อต่อในราคา 1,500,000 บาทครับ
ดังนั้นเวลาลงทุนทุกครั้ง พยายามคิดในมุมมองของกระแสเงินสด แล้วชีวิตเราจะมีความสุขในระยะยาวครับ