มีคำถามที่น่าสนใจมาจากคุณ Tanakiat Aui เกี่ยวกับเรื่องวิสัยทัศน์ของ Jitta และผลกระทบจากการใช้งาน Jitta เมื่อมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นมากๆ ผมเลยขอนำมาตอบใน post นี้นะครับ จะได้อ่านกันง่ายๆ
จริงๆเรื่องพันธกิจและวิสัยทัศน์ รวมทั้งผลกระทบของ Jitta ที่จะมีขึ้นในโลกของการลงทุนนั้น เป็นสิ่งที่พวกเราทีมงาน Jitta ได้คุยกันบ่อยๆตั้งแต่เริ่มสร้าง Jitta ขึ้นมาครับ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้อนาคตครับว่า Jitta จะก่อให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เท่าที่เห็นอยู่ตอนนี้ Jitta ก็เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงพอสมควรให้กับวงการลงทุนครับ
โดยเฉพาะการที่ทำให้คนจำนวนมากเข้าใจหลักการของการลงทุนแนว Warren Buffett ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งมีนักลงทุนบางคนเคยมาบ่นกับผมว่า เพิ่งเข้าใจว่าการโดนเทคโนโลยีไล่ตามเป็นอย่างไร เพราะประสบการณ์การอ่านงบและการศึกษาการลงทุนของเค้ากว่า 10 ปีนั้น ถูกไล่ทันจากมือใหม่ที่ใช้งาน Jitta ภายในเวลาไม่นาน
(แม้อาจจะไม่ได้เทียบเท่าด้านประสบการณ์ แต่สามารถเข้าใจและเลือกหุ้นทีดี ราคาไม่แพงได้ใกล้เคียงกันมาก รวมทั้งช่วยให้จิตใจมีความมั่นคงขึ้นเวลาเห็นราคาหุ้นร่วงโดยที่พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป และมีแนวทางการจัดสรรค์เงินลงทุนทีดี และมีแบบแผน)
ซึ่งเรื่องนี้ก็นับว่าเป็น “ความสนุกและความตื่นเต้น” ของพวกเราเหมือนกันครับ ที่คอยติดตามดูและลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่า เมื่อ Jitta เติบโตไปเรื่อยๆแล้ว จะส่งผลให้โลกของการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร อารมณ์น่าจะเหมือนกับทีมงาน Google และ Facebook ช่วงแรกๆ ที่นั่งคุยกันทุกวันว่า สิ่งที่ตนเองสร้างขึ้นมาจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ยังไงบ้าง
รวมทั้งความสนุกอีกอย่างนึงคือ เคยมีคำพูดว่า
Silicon Valley has changed the world but not yet Wall Street
หรือแปลง่ายๆว่า เทคโนโลยีจากฝั่ง Silicon Valley นั้นเข้ามาเปลี่ยนโลกใบนี้ในหลายๆด้าน แต่ก็ยังไม่เคยสามารถเปลี่ยนแปลงตลาดหุ้นใน Wall Street ได้ครับ ดังนั้นการคอยลุ้นว่า Jitta จะเข้าไปสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับตลาดหุ้นได้บ้าง เลยเป็นสิ่งที่ท้าทายและน่าสนุกมากจริงๆครับ 🙂
ซึ่ง ณ ปัจจุบัน จากที่ Jitta ได้เปิดให้ใช้งานมาแล้วปีกว่าๆ เราได้พบเจอพูดคุยกับผู้ใช้งานจำนวนมาก พวกเรามีแนวคิดต่างๆดังนี้ครับ
1. พันธกิจ (Mission) ของ Jitta
Jitta นั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยแนวคิดที่ว่า การลงทุนไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งวุ่นวายกันมากมาย แต่เหตุผลที่ทุกอย่างวุ่นวายนั้น ก็เพราะตลาดหุ้นมีอะไรมากมายมาทำให้ต้องวุ่นวายกันไปเอง
ดังนั้นถ้าหากโลกนี้ไม่มีตลาดหุ้นแล้ว การลงทุนในธุรกิจก็จะต้องกลับมาที่พื้นฐานเหมือนการลงทุนทั่วๆไปนั่นก็คือ การวิเคราะห์คุณภาพและมูลค่าของทรัพย์สินที่จะลงทุน แล้วลงทุนเมื่อมั่นใจว่า เราซื้อทรัพย์สินดีๆได้ในราคาที่ถูกกว่าที่ควรจะเป็น แค่นั้นเองครับ
ซึ่งแนวคิดเพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับคนที่เข้าใจและประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดีแล้วครับ
ดังนั้น Mission หลักของ Jitta ก็คือ
การช่วยให้คนลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดี ด้วยวิธีการที่เรียบง่าย
ซึ่งสิ่งที่ Jitta เน้นมากก็คือ ความเรียบง่ายในการลงทุนครับ เพราะคงไม่มีประโยชน์ที่จะสร้างรูปแบบการลงทุนยากๆขึ้นมาอีกอันบนโลกใบนี้ครับ
การประหยัดเวลาให้กับนักลงทุน ก็ถือเป็นหนึ่งในความเรียบง่ายที่ Jitta สร้างขึ้นมาเหมือนกันครับ เพราะปัจจุบันหลายๆคนก็ใช้ Jitta เพื่อค้นหาหุ้นในแนวทางของตนเองได้เร็วขึ้น แล้วค่อยไปอ่านงบการเงินหรือข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม
2. วิสัยทัศน์ (Vision) ของ Jitta
ส่วนวิสัยทัศน์ หรือ สิ่งที่พวกเราอยากเห็น Jitta เป็นในอนาคตก็คือ
การได้เป็นมาตรฐานการลงทุนใหม่ของโลก
หรือก็คือ ค่าต่างๆบน Jitta เช่น Jitta Score, Jitta Line ได้กลายเป็นสิ่งที่นักลงทุนใช้อ้างอิง และ นำไปประยุกต์ใช้กับการลงทุนในแนวทางของตนเอง และ สอนคนอื่นต่อไปได้
เช่น กรณีของ Dow Jones ที่ใช้เป็นดัชนีสำหรับการอ้างอิงการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นอันแรกของโลก แม้ผู้คิดค้นจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่คนก็ยังต้องดูดัชนี Dow Jones และมีการพูดถึงในข่าวอยู่ทุกวัน
หรือจะเห็นว่าในแนวเทคนิคอลนั้น ก็มี indicator อ้างอิงอยู่มากมายที่คนสามารถนำไปใช้งานได้และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เช่น MACD, EMA, RSI, Fibo ต่างๆเหล่านี้ เป็นต้น
ในขณะที่แนวทางการลงทุนแบบ VI ไม่ได้มีอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย (ที่ได้รับการยอมรับและใช้งานในวงกว้าง) เพราะการวิเคราะห์การบริษัทเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้ตัวเลขทางการเงินในหลายมิติมาคิด และต้องคอยอัพเดทตามงบการเงินในแต่ละไตรมาสอีก ซึ่งเป็นการยากที่ใครจะไปดึงเอางบการเงินของทุกบริษัทมาวิเคราะห์และสร้างมาตรฐานได้ครับ
ดังนั้น Jitta เอง ในอนาคตก็อยากจะค่อยๆเติบโตไปในแนวทางนี้ครับ ค่อยๆสอนให้คนเข้าใจพื้นฐานที่มาของแนวคิด และการใช้งานค่าต่างๆของ Jitta (Jitta Score, Jitta Line, Jitta Factors, Jitta Signs) เพื่อให้นำไปประยุกต์กับแนวทางการลงทุนของตนเอง และ ใช้พูดอ้างอิงได้อย่างเป็นสากลครับ (พูดแล้วทุกคนเข้าใจภาพตรงกัน เช่น พอบอกว่า หุ้นนี้ Jitta Score 8 ทุกคนจะเข้าใจได้ทันทีว่า บริษัทนี้ดีแน่นอน)
รวมทั้งจะค่อยๆเพิ่มหุ้นในประเทศต่างๆเข้ามาใน Jitta ครับ เพราะข้อดีอย่างนึงของ Jitta ที่เน้นการสร้างมาตรฐานในการลงทุนก็คือ เมื่อเราใช้งาน Jitta เป็นในการลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งแล้ว ก็สามารถจะนำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนประเทศอื่นได้ไม่ยากครับ เช่น ถ้าเดี๋ยวทาง Jitta เพิ่มหุ้น Japan เข้ามาในระบบ ทุกคนก็สามารถดูได้อย่างรวดเร็วว่า หุ้นที่น่าลงทุนคืออะไรบ้าง บริษัทไหนที่เป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมบ้าง จะเข้าไปดูข้อมูลจากหน้า FactSheet ก็รู้ว่าต้องดูตัวเลขอะไร ตรงไหนบ้าง เพราะเป็น Format เดียวกันในทุกหุ้นทั่วโลก เป็นต้น
เมื่อทำได้แบบนี้แล้ว Jitta ก็จะกลายเป็น standard และ reference ที่ทุกคนทั่วโลกใช้งานและเข้าใจได้ตรงกันครับ ซึ่งก็เป็นภารกิจที่ท้าทายและอาจจะต้องใช้เวลานานหลายสิบปีในการทำให้ได้แบบนั้น แต่ถ้า Jitta ไปถึงวันนั้นได้จริงๆ พวกเราก็คงจะมีความสุขมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง Jitta และเผยแพร่ไปทั่วโลกได้
และสิ่งสำคัญที่สุดในการทำตาม Vision นี้ได้สำเร็จก็คือ การได้รับรู้ว่า Jitta จะคงอยู่เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนต่อไปบนโลกไปนี้อีกนานแสนนาน แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตามครับ (พวกเราเชื่อว่า การใช้ชีวิตเพื่อทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้กับคนรุ่นหลังเป็นสิ่งที่สวยงามครับ)
3. แนวทางการใช้งาน Jitta
ดังนั้น จากพันธกิจและวิสัยทัศน์ของ Jitta แล้ว จะเห็นว่า Jitta ตั้งใจที่จะให้คนนำค่าต่างๆบน Jitta ไปใช้ในการอ้างอิงและประยุกต์ใช้ตามแนวทางของตนเอง เพื่อให้การลงทุนง่ายขึ้นและได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นครับ
ส่วนจะนำ Jitta ไปประยุกต์ใช้ในแนวทางการลงทุนแบบไหน ก็เป็นเรื่องของนักลงทุนแต่ละคนครับ บางคนอาจจะลงทุนตาม Jitta Ranking ก็ได้ บางคนอาจจะใช้ Jitta เพื่อช่วยในการสแกนดูพื้นฐานของหุ้นทุกตัวก่อน แล้วไปอ่านงบเองต่อก็ได้
ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ก็มีนักลงทุนเทคนิคคอลหลายๆคนใช้ Jitta เพื่อดูพื้นฐานหุ้นก่อนเพื่อป้องกันความเสี่ยง แล้วค่อยไปดูสัญญาณซื้อขายต่างๆตามแนวทางเทคนิคอีกที หรือ บางคนก็นำ Jitta ไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนหุ้น turnaround ก็มีครับ
แต่ทั้งนี้อย่างที่บอกครับว่า ข้อดีคือ ไม่ว่าเราจะประยุกต์ใช้ Jitta ด้วยวิธีไหนแล้วทำกำไรได้ เราก็จะสามารถนำมาเรียนรู้และใช้เป็นบรรทัดฐานในการลงทุนครั้งต่อไปได้ ทำให้เรา repeat และ scalable การลงทุนของเราได้เรื่อยๆครับ
4. กลุ่มผู้ใช้งานหลักของ Jitta
สำหรับ target group นั้น เมื่อดูตามพันธกิจและวิสัยทัศน์แล้ว ก็จะเห็นว่า ในแนวทางที่ Jitta จะเติบโตไปนั้น นักลงทุนทุกคนสามารถประยุกต์ใช้ Jitta ได้ตามแนวทางและประสบการณ์ลงทุนของตนเองครับ ไม่ได้มีจำกัดว่าต้องเป็นกลุ่มไหน
ในแง่แนวทางก็ได้พูดไปแล้วในข้อ 3 นะครับ สำหรับในแง่ของประสบการณ์ก็จะเป็นดังนี้ครับ
สำหรับคนที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน ก็สามารถใช้ Jitta เป็นแนวทางเริ่มต้นศึกษาเรียนรู้การลงทุนได้ง่ายขึ้น และทำให้โอกาสขาดทุนหนักๆในการลงทุนแรกๆน้อยลงครับ
สำหรับคนที่ลงทุนมาระดับนึงแล้ว Jitta ก็ช่วยเป็นตัวอ้างอิง และ เป็นช่วยในการคัดกรอง และ พิจารณาคุณภาพและมูลค่าพื้นฐานของหุ้นทุกตัวได้อย่างรวดเร็วครับ เพื่อให้สามารถนำไปคิดวิเคราะห์ต่อไปได้ครับ
สำหรับนักลงทุนที่มากประสบการณ์นั้น Jitta จะช่วยให้สามารถขยายขอบเขตการลงทุนของตนเองไปในตลาดหุ้นอื่นๆนอกประเทศตนเองได้ครับ รวมทั้งทำให้เข้าถึงตัวเลขทางการเงินที่เป็น format เดียวกัน เพื่อให้นำมาวิเคราะห์ได้เหมือนกันทั่วโลกครับ
5. การลงทุนตาม Jitta Ranking
จริงๆแล้ว Jitta Ranking นั้น ถูกสร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์เพื่อพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า Jitta Score, Jitta Line นั้น ถูกคิดขึ้นมาอย่างมีหลักการ และ สามารถนำไปใช้อ้างอิงในการลงทุนได้จริงๆครับ เพราะขนาดเราลงทุนตาม Jitta Top 5 ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดคือ ซื้อขายปีละครั้ง ก็ยังสามารถทำผลตอบแทนชนะดัชนีได้เลยครับ
แต่สำหรับกลยุทธ์ที่แนะนำในการใช้งาน Jitta จริงๆ ก็คือ ตามหลักการของ Warren Buffett คือ
ลงทุนในธุรกิจที่ดี ในราคาที่เหมาะสม
– Warren Buffett
เหมือนที่เขียนเอาไว้ใน วิธีลงทุนสไตล์ Jitta นะครับ
ซึ่งจากที่ทราบ นักลงทุนจำนวนมากก็ใช้ Jitta เพื่อมาช่วยอ้างอิงและคัดกรองหุ้น แล้วตัดสินใจด้วยตนเองมากกว่าจะซื้อตาม Jittta Top Ranking อย่างเดียวนะครับ ซึ่งหลายๆคนก็ได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า เพราะตัวผลตอบแทน Jitta Top Ranking ที่ทำให้ดูนั้นทำแบบง่ายที่สุดครับ คือ ซื้อขายทุก 12 เดือน (จริงๆถ้าทำแบบซื้อขายทุก 6 เดือน น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น เพราะสามารถคัดหุ้นที่งบออกมาไม่ดีออกไปได้ แต่ที่ไม่ทำก็เพราะว่าไม่ได้คิดว่าจำเป็นครับ เพราะจุดประสงค์คือ ต้องการพิสูจน์ว่าชนะดัชนีด้วยวิธีการง่ายๆแค่นั้น ไม่ได้ต้องการหาระบบที่ได้ผลตอบแทนสูงสุด ที่จะต้องแลกมากับความยุ่งยากมากขึ้น)
แต่ถ้าใครจะลงทุนตาม Jitta Ranking อย่างเดียว ผมก็ยังเชื่อว่า ก็ยังทำผลตอบแทนการลงทุนได้ในระดับที่ดีและชนะผลตอบแทนของดัชนีในช่วงเวลาเดียวกันแน่นอนครับ
Key หลัก คือ คำว่าช่วงเวลาเดียวกันนะครับ เพราะการซื้อตาม Jitta Ranking ตามหลักการแล้วคือ ต้องถือไปอีก 12 เดือน แล้วค่อยขาย ก็ต้องเทียบกับดัชนีในช่วงเวลาเดียวกันด้วย ซึ่งจากที่ทำพิสูจน์มา ก็พบว่า ไม่ว่าจะลงทุนใน Jitta Top Ranking ในสิ้นเดือนไหน แล้วซื้อขายทุกๆ 12 เดือน ผลตอบแทนก็จะชนะดัชนีในช่วงเวลาเดียวกันเสมอครับ (ไม่จำเป็นต้องซื้อสิ้นเดือนธันวาคมก็ได้ ไปซื้อสิ้นเดือนมกราคม แล้วไปขายสิ้นเดือนมกราคมของอีกปี ก็ชนะผลตอบแทนดัชนีจากช่วง มกราคม-มกราคม ครับ)
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า Jitta นั้น ทำการแยกเรื่องของคุณภาพและมูลค่าออกจากกันให้เห็นชัด เพื่อให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ และ Jitta Ranking ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงทุกวันตามราคาหุ้นที่ขึ้นลง เพราะยิ่งราคาหุ้นสูงมากขึ้น อันดับความน่าลงทุนก็จะน้อยลง
ทำให้ไม่มีทางที่คนจำนวนมากจะเข้ามา Jitta แล้วซื้อหุ้นใน Jitta Ranking Top 5 ซ้ำกันได้ทุกวันครับ เพราะถ้าในวันแรกมีคนซื้อหุ้น Jitta Top 5 กันไปเยอะแล้ว สมมติว่าเป็นหุ้น A, B, C, D, E ในวันพรุ่งนี้ หุ้น A, B, C, D, E ก็ต้องหลุดจาก Top 5 และมีหุ้นอื่นๆขึ้นมาเป็น Top 5 แทนครับ
ดังนั้น Jitta Ranking ในช่วงเวลาใดก็ตาม คือ การจัดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นในช่วงเวลานั้น ดังนั้นหมายความว่า Top 5 ก็คือ หุ้นที่น่าลงทุนที่สุด 5 ตัวแรก (คิดจากคุณภาพและมูลค่าเทียบกับราคาหุ้น) ณ ขณะนั้น ดังนั้นผลตอบแทนเมื่อถือไป 12 เดือน ควรจะต้องได้มากกว่า การถือหุ้นตามดัชนีที่ต้องมีหุ้นที่ผลตอบแทนแย่ๆอยู่อีกหลายตัวผสมเข้ามาอยู่ครับ ในช่วงเวลาเดียวกันนั่นเอง
และการป้องกันอีกชั้นก็คือ ถ้าคนซื้อหุ้น A, B, C, D, E กันมาก จนราคาสูงกว่า Jitta Line ไปแล้ว คนใหม่ๆที่เข้ามาดู ก็คงจะไม่ตัดสินใจซื้อหุ้น A, B, C, D, E แน่นอนครับ ก็ทำให้โอกาสขาดทุนหนักๆแทบไม่ค่อยมี ผลตอบแทนก็ย่อมต้องออกมาค่อนข้างดีกว่าตลาดในช่วงเวลาเดียวกันอยู่แล้วครับ
แตกต่างจากหลายๆแนวทางที่มีอยู่ทั่วไป ที่มักบอกรายชื่อหุ้นให้คนซื้อตามอย่างเดียว โดยที่คนซื้อไม่สามารถตัดสินใจหรือวิเคราะห์อะไรได้เลย และก็ไม่รู้ว่ารายชื่อหุ้นที่ได้นั้น update เมื่อไหร่ ราคาแพงเกินไปหรือยังครับ พอซื้อตามกันไป คนหลังๆก็มีโอกาสขาดทุนได้สูง และผลตอบแทนรวมที่ได้ก็จะลดลงครับ
6. ถ้าคนใช้งาน Jitta จำนวนมากแล้วจะเป็นอย่างไร
ในแง่ของผลตอบแทนด้วยการลงทุนตาม Jitta Top Ranking ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร น่าจะชนะดัชนีได้ในช่วงเวลาเดียวกันเสมอ ตามที่ได้อธิบายไว้ด้านบนครับ
สำหรับในส่วนของคนที่ตัดสินใจลงทุนเอง โดยประยุกต์ใช้ข้อมูลจาก Jitta อันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความสามารถและรูปแบบการลงทุนของแต่ละคนนะครับ ว่าจะทำผลตอบแทนได้มากน้อยเพียงใด บางคนอาจจะชนะตลาดหรือไม่ก็ได้
แต่ในภาพรวมที่ใหญ่กว่านั้นก็คือ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้สูงสุด ในกรณีที่นักลงทุน (และเงินลงทุน) ส่วนมากบนโลก เชื่อมั่นใน Jitta มากๆ
สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ “โลกการลงทุนในอุดมคติ” เสมือนหนึ่งว่าไม่มีตลาดหุ้นนั่นเองครับ ส่วนต่างระหว่างราคากับมูลค่าจะน้อยลงมาก ราคาหุ้นจะวิ่งตามแนวโน้มใกล้เคียงกับ Jitta Line ตลอดเวลา
ทำให้โอกาสในการเก็งกำไรจะน้อยลง การปั่นหุ้นจะไม่มี เพราะไม่มีใครไปไล่ซื้อตามเมื่อราคาหุ้นเกินมูลค่า การลงทุนจะสมเหตุสมผลมากขึ้น ทุกคนจะลงทุนด้วยมุมมองเหมือนกับการร่วมลงทุนในกิจการดีๆ แล้วปล่อยให้เงินทุนเติบโตตามบริษัทที่ลงทุนไป
ความวุ่นวายและเวลาที่คนใช้ในตลาดหุ้นจะน้อยลง ทุกคนมีเวลาไปทำในสิ่งที่ตนเองรักได้มากขึ้น ในขณะที่สามารถสร้างความมั่งคั่งทางการเงินไปควบคู่กันได้ครับ
ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเราชาว Jitta อยากให้เกิดขึ้นครับ แต่ในความเป็นจริง คงจะยากที่จะเป็นไปได้ครับ เพราะยังไงก็ไม่มีทางที่คนจะใช้ Jitta เพื่อลงทุนทุกคน และต่อให้ใช้ทุกคนจริงๆ ความโลภ ความกลัว ข่าวสารอื่นๆที่แต่ละคนมีก็ไม่เท่ากัน ทำให้การตัดสินใจซื้อขายหุ้นแทบจะไม่ทีทางเป็นไปในทางเดียวกันได้ในระยะสั้นครับ
แต่ยังไงในระยะยาวแล้ว เชื่อว่า Jitta น่าจะช่วยทำให้ราคาหุ้นเข้าใกล้กับมูลค่าที่แท้จริงมากขึ้นและเร็วขึ้นกว่าสมัยก่อนแน่นอนครับ (เหมือนที่ internet และ excel ช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลทางการเงินและคำนวณค่าต่างๆได้เร็วขึ้น)
7. Zero to One
สุดท้ายก็อยากจะบอกว่า Jitta นั้นถือว่าเป็น “Zero to One” คือ การสร้างสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนบนโลกนี้ ดังนั้นผมเชื่อว่า Jitta จะค่อยๆเติบโตไปเรื่อยๆ ค่อยๆเรียนรู้และพัฒนาตนเองไปพร้อมๆกับผู้ใช้งาน Jitta ทุกคนครับ
และในวันนึงโลกใบนี้ users จะเป็นผู้กำหนดแนวทางการใช้งาน Jitta ให้เหมาะสมกับตนเองได้เองครับว่าจะใช้ทำอะไร เหมือนกับที่แต่ละคนมีวิธีใช้งาน Google, Facebook, Youtube ที่แตกต่างกันตามความชอบและนิสัยของตนเองครับ
ดังนั้นสิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนั้น ก็ไม่รู้ว่าอนาคตจริงๆจะเป็นไปตามนั้นหรือเปล่านะครับ Jitta จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรแค่ไหน ก็คงยังไม่มีใครตอบได้ เมื่อคนใช้งาน Jitta มากๆ ประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากน้อยแค่ไหน ก็คงไม่มีใครรู้จริงๆ
แต่สิ่งที่พวกเราทีมงาน Jitta รู้แน่ๆก็คือ พวกเรามีความสุขในทุกวันกับการได้รับรู้ว่า Jitta ทำประโยชน์ให้กับคนที่เรารักมากขึ้นเรื่อยๆ และก็สนุกในการได้คอยติดตามดูว่า Jitta จะเติบโตไปในอนาคตอย่างไร จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้เกิดขึ้นบ้าง
แค่ความรู้สึกเหล่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว ในการที่พวกเราได้สร้าง Jitta ให้เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ครับ