by Jitta
วันที่ 4 พ.ย. 2563 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 12 ม.ค. 2566
    เจาะลึกหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตอนที่ 3

    มาถึงตอนสุดท้ายสำหรับซีรีย์เจาะลึกหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์กับหุ้นอีก 2 บริษัทที่เหลือ ที่เป็นม้าตีนปลาย ราคาหุ้นขยับขึ้นแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เองนั่นก็คือ KCE และ SVI

    KCE

    เปิดปีมาที่ราคาแถวๆ 20-25 บาท ช่วง COVID ลงไปต่ำสุดที่ 12 บาทแต่พอเริ่มฟื้นขึ้นมาได้ ก็วิ่งหน้าตั้งมาจนทะลุ 40 บาทเพราะอะไร KCE ถึงได้วิ่งแรงขนาดนั้นKCE เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ PCB ติด Top 10 ของโลก รายได้ 80% ของ KCE อยู่ในตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์โครงสร้างงบการเงินของ KCE จากตัวเลข 6 เดือนของปีนี้กันก่อน

    • ขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้เงิน 100 บาท เป็นต้นทุนขาย 78 บาท
    • ได้กำไรขั้นต้น 22 บาท
    • เป็นค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 11 บาท
    • ได้กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี 10 บาท
    • กำไรสุทธิ 9 บาท

    ตัวเลขปีนี้ดูดีกว่าปีที่แล้วตั้งแต่กำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจาก 20.3% เป็น 21.7% ไปจนถึงกำไรสุทธิก็ดีขึ้นตามมาด้วยเพิ่มจาก 7.6% เป็น 9%

    ถ้าดูตัวเลขรายได้และกำไรรายไตรมาส

    • Q1’19 รายได้ 3,114 ล้านบาท กำไรสุทธิ 268 ล้านบาท
    • Q2’19 รายได้ 2,993 ล้านบาท กำไรสุทธิ 159 ล้านบาท
    • Q3’19 รายได้ 3,088 ล้านบาท กำไรสุทธิ 255 ล้านบาท
    • Q4’19 รายได้ 2,902 ล้านบาท กำไรสุทธิ 252 ล้านบาท
    • Q1’20 รายได้ 3,260 ล้านบาท กำไรสุทธิ 425 ล้านบาท
    • Q2’20 รายได้ 2,127 ล้านบาท กำไรสุทธิ 71 ล้านบาท

    ปี 2019 รายได้อยู่ระดับใกล้ๆ 3,000 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิมีความผันผวน และมีแนวโน้มลดลง ซึ่งมีผลของ Trade War ต้นทุนสินค้า และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น

    Q2’20 ยอดขายลดลงเยอะมาก เพราะหลายประเทศมีการล็อคดาวน์ ลดการสั่งสินค้าลง และใช้สต๊อกเก่าที่มีอยู่ ขณะเดียวกัน ฝั่งกำไรสุทธิเหลือแค่ 71 ล้านบาท จากปกติหลักร้อยล้านบาท ถือว่าดีกว่าคาดเยอะมาก เพราะคิดว่าจะขาดทุน แต่นี่ดันพลิกกำไรได้ เพราะต้นทุนขายลดลงเยอะ และควบคุม SG&A ได้ดี คือ ทำหลายอย่างมากเช่น ปิดโรงงานที่นิคมบางปู ลดพนักงาน ลดจำนวนชั่วโมงการทำงานลง ชะลอแผนการลงทุนเพื่อเก็บเป็นเงินสดไว้

    ในแง่ของคุณภาพและราคาหุ้นเป็นแบบนี้

    • Jitta Score 2.94 เท่า (ค่าเฉลี่ย 10 ปี อยู่ที่ 5.24) ตัวเลขไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อาจพอพูดได้ว่าเมื่อก่อนเก่งกว่านี้ แต่ช่วงหลังๆ ดร็อปลงพอสมควร
    • ราคานี้แพงกว่าเส้น Jitta Line 109.4% ที่ผ่านมาราคาขึ้นลงอยู่บนและใต้เส้นสลับไปมา แต่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมาราคาก็ขึ้นอยู่เหนือเส้นมาตลอด
    • P/E 47.2 เท่า ตัวเลขสูงทีเดียว แต่เป็นเพราะกำไรช่วงหลังๆ หดหายไปเยอะ เลยดึงให้ P/E สูงขึ้นมา ถ้าในอนาคตทำกำไรได้ดีขึ้น ก็จะช่วยให้ P/E ลงมาได้

    แนวโน้มการเติบโตในอนาคตระยะสั้นดูดีขึ้นจากการยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลใหม่ในประเทศจีน สหรัฐฯ และยุโรปฟื้นตัวกลับไปใกล้ถึงระดับก่อน COVID แล้ว ทำให้จะมีการสั่งสินค้า PCB มากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาใช้สต๊อกเก่าไปจนน่าจะเหลือกันไม่เยอะแล้ว

    SVI

    เปิดปีมาที่ราคาแถวๆ 3.50 บาท พอเจอ COVID หล่นลงมาครึ่งหนึ่งอยู่ที่ 1.75 บาทและดูจะเป็นหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ฟื้นตัวช้าที่สุด คือ ราคาค่อยๆ ยกขึ้นไปเรื่อยๆ แต่มาเร่งตัวก็เดือนตุลาคมนี้เองที่ขึ้นไปสูงสุดถึง 5.45 บาท

    SVI ผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำเร็จรูป สัดส่วนรายได้ตามลักษณะของผลิตภัณฑ์คือ

    • 35% สินค้ากลุ่มอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและระบบเครือข่ายไร้สาย
    • 25% ระบบควบคุมอุตสาหกรรม
    • 10% อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์

    เรามาเริ่มดูโครงสร้างงบการเงินของ SVI จากตัวเลข 6 เดือนของปีนี้กันก่อน

    • ขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้เงิน 100 บาท
    • เป็นต้นทุนขาย 92 บาท
    • ได้กำไรขั้นต้น 8 บาท ค่อนข้างน้อยเลยทีเดียว
    • เป็นค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 3 บาท
    • ได้กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี 5 บาท
    • กำไรสุทธิ 4 บาท

    ต้องบอกว่า อัตราการทำกำไรค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน แต่ก็ต้องบอกว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้น เพราะปีที่แล้ว GPM กับ NPM อยู่แค่ 6% และ 2% ตามลำดับ

    ถ้าดูตัวเลขรายได้และกำไรรายไตรมาสจะเห็นพัฒนาการที่ชัดคือ

    • Q1’19 รายได้ 3,916 ล้านบาท กำไรสุทธิ 83 ล้านบาท
    • Q2’19 รายได้ 4,101 ล้านบาท กำไรสุทธิ 150 ล้านบาท
    • Q3’19 รายได้ 3,838 ล้านบาท กำไรสุทธิ 110 ล้านบาท
    • Q4’19 รายได้ 3,234 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28 ล้านบาท
    • Q1’20 รายได้ 3,231 ล้านบาท กำไรสุทธิ 226 ล้านบาท
    • Q2’20 รายได้ 4,188 ล้านบาท กำไรสุทธิ 108 ล้านบาท

    รายได้ต่อไตรมาสอยู่ในช่วง 3,000-4,000 ล้านบาท ขณะที่กำไรมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ซึ่งได้รับผลกระทบทั้งเงินบาทแข็งค่า การขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน แต่การควบคุม SG&A ที่ดี ก็ช่วยพยุงกำไรสุทธิไว้ได้บ้างพอสมควร

    ในแง่ของคุณภาพและราคาหุ้นเป็นแบบนี้

    • Jitta Score 3.53 เท่า (ค่าเฉลี่ย 10 ปี อยู่ที่ 4.78) เป็นตัวเลขที่ไม่ค่อยสูงมากนัก บ่งบอกถึงคุณภาพว่าไม่ได้ดีมากนัก
    • ราคานี้แพงกว่าเส้น Jitta Line 31.6% แต่ในความเป็นจริงคือ ราคาอยู่ใต้เส้นมาตลอด เพิ่งจะมาขึ้นเมื่อเดือนกันยายนนี้เอง
    • P/E 23.6 เท่า ถ้าเทียบกับหุ้นตัวอื่นก็ต้องถือว่ามี P/E ต่ำที่สุด

    แนวโน้มการเติบโตในอนาคตระยะสั้นดูดีขึ้นจากยอดออเดอร์ให้ผลิตป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์สำหรับห้างสรรพสินค้าในสหรัฐฯ และยอดผลิตที่เพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มยานยนต์ จะเป็นตัวช่วยหนุนให้รายได้และกำไรเพิ่มมากขึ้น

    Source: S&P Global Market Intelligence เรียบเรียงโดย Jitta