by Jitta
วันที่ 25 มิ.ย. 2563 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 25 มิ.ย. 2563
โรงพยาบาลไหนน่าสนใจ ถ้าไทยเปิด Travel Bubble

โรงพยาบาล เป็นหนึ่งในหุ้นขวัญใจนักลงทุนหลายคน บางคนมองว่าเป็นหุ้น Defensive เป็นหุ้นที่มั่นคงไม่หวือหวา เป็นหุ้นที่อยู่ในเทรนด์การดูแลรักษาทั้งเด็กและผู้สูงอายุ

แต่ก่อนที่เราจะลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ เราควรต้องรู้อะไรบ้าง มาดูกันครับ

  1. ประเภทของโรงพยาบาลว่าเน้นทางด้านไหน เช่น รักษาโรคทั่วไป รักษาเด็ก ผู้สูงอายุ โรคเฉพาะทางเช่น ไต หัวใจ เน้นประกันสังคม
  2. สัดส่วนผู้ป่วย เช่น OPD/IPD คนไข้ไทย/คนไข้ต่างประเทศ คนไข้ประกันสังคม/คนไข้จ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง
  3. อัตราครองเตียง เพื่อให้เราได้เห็นภาพว่า โรงพยาบาลยังสามารถรองรับคนไข้ที่จะ admit ได้อีกมากน้อยแค่ไหน
  4. แผนการลงทุนในอนาคต หลายคนคิดว่า เปิดโรงพยาบาลใหม่ เปิดตึกใหม่จะดี จริงๆ อาจไม่ดีเสมอไปในช่วงแรก เพราะรายได้ยังมาไม่ทันค่าเสื่อม ก็อาจจะต้องขาดทุนไปก่อน 1-2 ปี หรือมากกว่านั้น

มาพูดถึงสถานการณ์ในช่วงนี้ เราจะเห็นได้ว่า Covid-19 กระทบกับโรงพยาบาลในแง่ที่ว่า คนไข้ต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาได้ ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นคนไข้จากตะวันออกกลาง CLMV และชาวจีน (และก็มีคนไทยจำนวนหนึ่งที่ไม่ค่อยอยากไปโรงพยาบาลเพราะกังวลเรื่องการติตโรค)

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยบอกว่า ปี 2561 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลไทย 3.42 ล้านครั้ง สร้างรายได้ 1.4 แสนล้านบาท ถ้าเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางมาไทยปีละเกือบ 40 ล้านคน ก็คิดเป็นเกือบ 10% เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

วันนี้เราลองมาดูกันครับว่าแต่ละโรงพยาบาลมีสัดส่วนคนไข้ต่างชาติเป็นอย่างไรกันบ้าง

  • BH โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ 66%
  • BDMS โรงพยาบาลกรุงเทพ มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ 30%
  • PR9 โรงพยาบาลพระราม 9 มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ 15%
  • BCH โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ 11-12%
  • EKH โรงพยาบาลเอกชัย มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ 10-12%

ถ้ามองในประเด็นนี้ BH น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด รองมาคือ BDMS ส่วนที่เหลือ PR9 BCH และ EKH พอๆ กัน ขณะที่โรงพยาบาลอื่นๆ มีสัดส่วนคนไข้ต่างชาติเป็นเลขหลักเดียวก็จะไม่กระทบมากนัก

แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะยังมีปัจจัยอื่นที่อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้อีก เช่น บางโรงพยาบาลมีเปิดตึกใหม่ บางโรงพยาบาลมีประกันสังคม

ดังนั้น เรามาลองเจาะลึกถึงหุ้นแต่ละแห่งกันโดยใช้ข้อมูลจาก Jitta กันครับ

BH โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์

*ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2563
  • มองที่ภาพใหญ่ Jitta Score 6.43 บอกว่า เป็นโรงพยาบาลที่มีคุณภาพที่ดี
  • เจาะลงมาที่ Jitta Factors บอกเราว่า BH มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีความน่ากังวลตรงผลประกอบการช่วงหลังๆ เริ่มแผ่วลง
  • ดูรายละเอียดที่ Jitta Signs บอกเราว่า BH มีรายได้และกำไรมั่นคง สม่ำเสมอ หนี้สินน้อยโดยเฉพาะหนี้ระยะยาว ไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายดอกเบี้ย แถมยังจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นได้ทุกปี แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ มาร์จิ้นเริ่มลดลง SG&A เพิ่ม และทำให้สุดท้าย EPS ลดลง
  • งบ Q1’20 กำไรสุทธิ 765 ล้านบาท -29.2% ได้รับผลกระทบจากคนไข้ต่างชาติโดยเฉพาะตะวันออกกลางลดลง (-16.4%) และคนไทยก็ลดลงเช่นกัน (-1.5%)
  • ในแง่ของราคา Over Jitta Line 108.7% ก็ยังดูว่าค่อนข้างสูงอยู่

โดยสรุปภาพคร่าวๆ เราก็พอจะเห็นได้ว่า BH พื้นฐานมั่นคง ล้มยาก แต่ว่าความสามารถในการเติบโตดูแผ่วตั้งแต่ก่อน Covid แล้ว พอมาเจอวิกฤตก็ทำให้รายได้และกำไรลดลงมากขึ้นไปอีกเพราะคนไข้ต่างชาติลดลง

BDMS โรงพยาบาลกรุงเทพ

*ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2563
  • มองที่ภาพใหญ่ Jitta Score 6.73 คุณภาพดี คะแนนสูงกว่า BH นิดหน่อยด้วย
  • เจาะลงมาที่ Jitta Factors บอกเราว่า BDMS มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการช่วงหลังๆ ก็ยังดูดีอยู่
  • ดูรายละเอียดที่ Jitta Signs บอกเราว่า BDMS รายได้และกำไรสม่ำเสมอ หนี้สินระยะยาวต่ำ ไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายดอกเบี้ย จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นได้ตลอด แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ การลงทุนอยู่ในระดับที่สูงมาก และ SG&A เพิ่ม ซึ่งจะกดดันกำไรสุทธิ
  • งบ Q1’20 กำไรสุทธิ 2,568 ล้านบาท -69.5% ที่เห็นว่าติดลบเยอะเพราะปีที่แล้วมีรายการพิเศษขายเงินลงทุนโรงพยาบาลรามคำแหง (RAM) แต่อย่างไรก็ตาม เราก็จะเห็นการลดลงของคนไข้ตะวันออกกลาง และจีน โดยเฉพาะโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ค่อนข้างมาก
  • ในแง่ของราคา Over Jitta Line 122.1% ก็ยังดูว่าค่อนข้างสูงอยู่

โดยสรุปภาพคร่าวๆ BDMS พื้นฐานแข็งแกร่ง กำไรเติบโตดี แต่อาจจะมีการลงทุนที่สูงซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรในระยะสั้น และให้ติดตามผลของการลงทุนว่าจะออกดอกออกผลได้มากน้อยแค่ไหนในอนาคต

PR9 โรงพยาบาลพระราม 9

*ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2563
  • มองที่ภาพใหญ่ Jitta Score 5.06 บอกว่า เป็นโรงพยาบาลที่มีคุณภาพใช้ได้ตามมาตรฐาน
  • เจาะลงมาที่ Jitta Factors บอกเราว่า PR9 มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง แต่ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่
  • ดูรายละเอียดที่ Jitta Signs บอกเราว่า PR9 มีรายได้และกำไรสม่ำเสมอ หนี้สินระยะยาวต่ำ แต่ผลกำไรในช่วงหลังดูไม่ค่อยเติบโตนัก และค่าใช้จ่าย SG&A ค่อนข้างสูงซึ่งส่วนหนึ่งมาจากมาตรฐานบัญชีใหม่และบันทึกขาดทุนในเงินลงทุน
  • งบ Q1’20 กำไรสุทธิ 37 ล้านบาท -56.6% เป็นการลดลงของรายได้ผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยชาวไทยมากกว่า ขณะที่คนไข้ต่างชาติลดลงแค่ 1.5% เท่านั้น
  • ในแง่ของราคา Over Jitta Line 24.8% ก็ยังดูว่าแพงนิดหน่อย

โดยสรุปภาพคร่าวๆ PR9 พื้นฐานการเงินแข็งแรง แต่การใช้จ่ายเยอะ และกำไรไม่ค่อยเติบโตมากนัก ตอนนี้ PR9 มีการเปิดตึกใหม่เน้นด้าน Wellness และปรับปรุงตึกเดิมรองรับผู้ป่วยในมากขึ้น เน้นที่โรคร้ายแรงที่เป็นจุดเด่นอย่างโรคไตและหัวใจ ต้องติดตามดูว่ารายได้ กำไรจะชนะค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายเมื่อไหร่

BCH โรงพยาบาลเกษมราษฎร์

*ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2563
  • มองที่ภาพใหญ่ Jitta Score 6.38 บอกว่า เป็นโรงพยาบาลที่มีคุณภาพดี
  • เจาะลงมาที่ Jitta Factors บอกเราว่า BCH มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นอยู่ในเกณฑ์ดี การเติบโตของกำไรดี ความสามารถในการแข่งขันสูง
  • ดูรายละเอียดที่ Jitta Signs บอกเราว่า BCH มีรายได้และกำไรสม่ำเสมอในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ปันผลเป็นเงินสดเพิ่มขึ้นทุกปี ไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายดอกเบี้ย แต่เหมือน BDMS, PR9 ที่มีการใช้จ่าย SG&A สูง และเม็ดเงินลงทุนสูง
  • งบ Q1’20 กำไรสุทธิ 259 ล้านบาท +4.4% จะเห็นว่ามีกำไรเป็นบวก มีการเติบโตได้ดีโดยเฉพาะรายได้ประกันสังคมที่ได้รับการปรับค่าหัวเพิ่มขึ้น รวมไปถึงมีการเปิดให้ตรวจ Covid ด้วย และมีการควบคุมต้นทุนต่างๆ ได้ดีอยู่
  • ในแง่ของราคา Over Jitta Line 66.1% ก็ยังดูว่าค่อนข้างสูงอยู่

โดยสรุปภาพคร่าวๆ BCH พื้นฐานมั่นคง กำไรโตดี แต่มีการลงทุนสูง ซึ่งน่าจะเป็นโรงพยาบาล 3 แห่งใหม่ ที่กำลังทยอยเปิดในปี 2020 และ 2021 ซึ่งต้องคอยติดตามผลตอบรับ และดูว่าค่าเสื่อมจะกดดันกำไรมากน้อยแค่ไหน

EKH โรงพยาบาลเอกชัย

*ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2563
  • มองที่ภาพใหญ่ Jitta Score 6.67 ถือว่าได้คะแนนสูงมาก (เป็นอันดับสองรองจาก BDMS) แม้ว่าจะเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก
  • เจาะลงมาที่ Jitta Factors บอกเราว่า EKH มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง มีการเติบโตของกำไรที่ดี แต่ว่าระยะสั้นดูเริ่มแผ่วลง
  • ดูรายละเอียดที่ Jitta Signs บอกเราว่า EKH มีรายได้และกำไรเติบโตในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา แต่แค่รอบหลังๆ การเติบโตเริ่มแผ่ว หนี้สินน้อยโดย ไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายดอกเบี้ย แต่ระวังเรื่องค่าใช้จ่ายว่าเริ่มสูงขึ้น
  • งบ Q1’20 กำไรสุทธิ 11.3 ล้านบาท -74.8% ลดลงค่อนข้างเยอะ เหตุผลแรกเพราะ IVF สัดส่วนประมาณ 15% ของรายได้รวม คนจีนที่มาใช้บริการประมาณ 90% ลดลงจำนวนมากทำให้รายได้ส่วนนี้หายไป กับเหตุผลที่สอง การเปิดตึกใหม่ที่คนไข้ยังไม่เต็มก็จะโดนค่าเสื่อมกดดัน
  • ในแง่ของราคา Over Jitta Line 3.9% ไม่แพงมากเทียบกับโรงพยาบาลอื่นๆ

โดยสรุปภาพคร่าวๆ เราก็พอจะเห็นได้ว่า EKH พื้นฐานงบดี แต่ดูแผ่วลงช่วงหลัง และค่าใช้จ่ายการขายและบริหารเพิ่มขึ้น มีการสร้างตึกใหม่ก็จะมีค่าเสื่อมมากระทบได้


โดยภาพรวมแล้ว เราก็จะเห็นได้ว่า ทุกโรงพยาบาลที่เราพูดถึงมีพื้นฐานด้านงบการเงินที่แข็งแกร่ง หนี้สินน้อย น่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้ แต่ว่าจะได้รับผลกระทบในแง่กำไรจากการที่คนไข้ต่างชาติลดลง มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป และหลายโรงพยาบาลก็มีการลงทุนค่อนข้างสูงในช่วงนี้ด้วย ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตามเพิ่มเติม แต่เชื่อว่าถ้าคนไข้ต่างชาติกลับมาเมื่อไหร่ ก็จะส่งผลดีต่อทุกโรงพยาบาล

#ส่องหุ้นสู้วิกฤต #Jitta #วิตามินหุ้น