by Jitta
วันที่ 30 เม.ย. 2563 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 30 เม.ย. 2563
หุ้นไหนคะแนนดี น่าลงทุน (ตอนที่ 2)

นอกจากกลุ่มโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 18 แล้ว ก็ยังมีหุ้นกลุ่มขนส่งและกลุ่มร้านค้าที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ดังนั้นแล้วตัวเลขทางการเงินไหนบ้าง ที่นักลงทุนควรจับตาดูเป็นพิเศษก่อนช้อนซื้อ 🤔

มาหาคำตอบกันครับ!

เจาะลึกพื้นฐานหุ้นกลุ่มขนส่งและกลุ่มร้านค้า ที่งบไตรมาส 1 น่าจะทรุดเพราะ Covid-19 มีตัวเลขทางการเงินไหนบ้างที่นักลงทุนควรจับตาดูเป็นพิเศษก่อนช้อนซื้อ มาหาคำตอบกัน!

ซีรีส์ “ส่องหุ้น สู้วิกฤต” จาก Jitta x Stock Vitamins – วิตามินหุ้น ตอนที่แล้วเราพาไปดูหุ้นกลุ่มโรงแรมกันมาแล้วโดยใช้เครื่องมือหลากหลายแง่มุมของ Jitta ทั้ง Jitta Score, Jitta Line Jitta Factors และ Jitta Signs

วันนี้เราจะมาคุยกันกับอีก 2 กลุ่มที่เหลือ คือ กลุ่มขนส่ง และกลุ่มร้านค้าที่ห้างปิดกันครับ

AOT

เป็นหุ้นที่ได้ Jitta Score 6.19 ทิ้งห่างเพื่อนๆ ในกลุ่มเดียวกันพอสมควร แต่ในแง่ของราคาก็ดูเหมือนจะยังไม่ถูกนัก เพราะว่า Over Jitta Line ถึง 165% แม้ว่าราคาหุ้นจะลงมาพอสมควรแล้วก็ตาม

Jitta Factors ที่โดดเด่นจะมี 2 ตัว คือ Financial Strength และ Competitive Advantage

เหตุผลก็เพราะว่า มีการเติบโตของรายได้และกำไรที่สม่ำเสมอ มีหนี้สินระยะยาวต่ำ และมีอัตราการจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นทุกปี

ถ้าเราเจาะลึกถึงสัดส่วนรายได้ของ AOT จะพบว่า

• 43% ค่าบริการผู้โดยสาร เก็บตอนขาออก
• 28% ส่วนแบ่งผลประโยชน์จากค่าเช่าที่ Duty Free ร้านอาหาร
• 12% ค่าบริการสนามบิน ค่าลงจอดเครื่องบิน

ทั้ง 3 ส่วนนี้ได้รับผลกระทบหมดจากการที่นักท่องเที่ยวลดลง สายการบินหยุดบิน และการลดค่าเช่า ค่า Minimum Guarantee

โดยทาง AOT เองก็ออกมาให้ข้อมูลว่า ตัวเลขจำนวนเที่ยวบิน และผู้โดยสารในปีนี้จะลดลง 45% และ 53% ตามลำดับ คือหายกันไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว โดยมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขจะกลับมาปกติใน Q4 ปี 2021 (อีกปีครึ่งเลย)

แต่ความคาดหวังของ AOT ในระยะยาวก็ยังมีเรื่องของสัญญา Duty Free ที่ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะ และสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่จะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีกมาก ก็จะมาเป็นสตอรี่ในอนาคตของหุ้นผูกขาดบริษัทนี้

 HMPRO

แม้ได้ Jitta Score สูงมากถึง 7.85 แต่ราคาก็ดู Over Jitta Line ไปพอสมควรที่ 91%

Jitta Factors โดดเด่นทั้งเรื่องของ Financial Strength, Return to Shareholder และ Competitive Advantage เหตุผลที่โดดเด่น คือ

*ROE ที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง (30%)
* มาร์จิ้นที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ กำไรขั้นต้น เพราะสามารถเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand ของตัวเองได้ต่อเนื่อง (ตอนนี้มีสัดส่วน 20%)
* มีหนี้สินระยะยาวที่ต่ำ (D/E 1.46 เท่า เหมือนไม่ต่ำ แต่เป็นเจ้าหนี้การค้าเยอะ ก็ไม่น่าห่วงมากนัก)

ปัญหาของ HMPRO ที่ต้องติดตามมีด้วยกัน 2 เรื่อง คือ

* แนวโน้มยอดขายเติบโตลดลงมา 2 ไตรมาส คือ Q3’19 -0.1% และ Q4’19 -0.9% (แต่ปรับ mix สินค้า และบริหารค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้กำไรเติบโตได้)
* การปิด 76 สาขาทั้งไทยและมาเลเซีย จากทั้งหมด 113 สาขา ในเดือนเมษายน จะกระทบรายได้อย่างมาก
* การเลื่อนงาน Homepro Expo ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ก็จะกระทบกับงบ Q1 อย่างเห็นได้ชัด

COM7

ได้ Jitta Score สูงที่ 7.30 ราคา Over Jitta Line เล็กน้อย 16%

Jitta Factors เขียวมากที่สุดแล้วตั้งแต่ดูมา ดีแทบทุกอย่างทั้ง Growth Opportunity, Recent Business Performance และ Competitive Advantage เพราะ

* รายได้และกำไรเติบโตก็ดีมากแบบต่อเนื่อง
* อัตรากำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
* หนี้สินระยะยาวก็ต่ำ เรียกได้ว่าดูดีรอบด้านสำหรับหุ้นตัวนี้

ตัวเลขที่น่าสนใจที่อยากให้ดูคือ

* รายได้ทั้งปีอยู่ประมาณ 33,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท NPM ประมาณ 3.7% แปลว่า บริษัทนี้เน้นโวลุ่มขาย แต่มาร์จิ้นไม่สูงมาก แปลว่าต้องทำ 2 อย่างถึงจะโต คือ
1) เพิ่มรายได้ให้มากเพื่อสร้างฐานที่ใหญ่ กำไรจะมากตาม
2) เพิ่มมาร์จิ้นให้สูงขึ้นเพื่อทำให้กำไรดีขึ้น อาจจะขาย mix สินค้าที่แพงขึ้น หรือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดค่าใช้จ่ายลงมา

* ในแง่ของการเติบโต รายได้ +19% แต่มาจาก SSSG +12% แปลว่า ร้านเดิมที่เปิดอยู่มีผลมาก และการที่ร้านค้าปิดไป 730 สาขา จาก 800 สาขา ทำให้ยอดขายเดือนเมษายนจะกระทบอย่างหนัก เราเห็นข่าวว่า ออนไลน์ ขายดี โต 3-4 เท่า แต่สัดส่วนต่อยอดขายแค่ 5% ยังไงก็ชดเชยไม่ไหว

 SPVI

ความน่าสนใจของหุ้นตัวนี้คือ Jitta Score สูง 6.35 และราคา Under Jitta Line 40%

Jitta Factors ดูดีไปหมดทั้ง Growth Opportunity, Recent Business Performance, Financial Strength และ Competitive Advantage เพราะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้และกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไรในปีที่ผ่านมาถือว่าโตค่อนข้างโดดเด่นเลยทีเดียว

ถ้าถามว่า SPVI มีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องคอยติดตาม นั่นก็คือ

* รายได้ประมาณ 3,600 ล้านบาท 90% ของรายได้มาจากสินค้าของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Apple Watch มองในแง่ดี ถ้าสินค้า Apple ขายดีเป็นที่นิยม SPVI ก็จะโตได้เรื่อยๆ แต่ก็อาจมองได้ว่าพึ่งพาสินค้าแบรนด์เดียวมากเกินไปหรือเปล่า

* อัตรากำไรสุทธิ 2.5% ถือว่าต่ำกว่า COM7 อยู่พอสมควร ต้องติดตามว่าจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร

* โอกาสของ SPVI ดูจะเป็นเรื่องของสเกล ที่เล็กกว่า COM7 ถึง 10 เท่าในแง่ยอดขาย และอัตรากำไรที่น้อยกว่า ถ้าสามารถหาช่องทางขยายเพิ่มได้ก็จะเป็นผลดีในระยะยาว

MAJOR

โรงหนังแห่งเดียวในตลาดหุ้น Jitta Score สูง 6.23 และราคา Under Jitta Line 43%

Jitta Factors ดีในแง่ของ Financial Strength ที่รายได้และกำไรโตต่อเนื่อง กับหนี้สินระยะยาวต่ำ รวมถึงการจ่ายปันผลที่ดีอย่างต่อเนื่อง

แต่ต้องบอกตามตรงว่า MAJOR จะมีความท้าทายที่สุดว่าจะกลับมาเปิดเต็มรูปแบบได้อย่างไร คือ

* เป็นสถานที่ปิด ต้องนั่งดูหนังเว้นแถว เว้นที่นั่ง รายได้จะหายไปเยอะ รายได้ค่าตั๋วคิดเป็น 55% ของรายได้รวม

* อาจจะต้องใส่หน้ากากดูหนังตลอด 2 ชั่วโมง ซึ่งก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกนัก และจะทำให้กิน popcorn กินน้ำไม่ได้ รายได้ส่วนนี้ 20% ของรายได้รวม แต่ว่ามาริ์จื้นสูงมากถึง 67% (GPM เฉลี่ยของ MAJOR คือ 35%)

* แต่ปัญหาหลักมากกว่านั้นคือ หนังใหญ่เลื่อนออกไปหมดแล้ว เรียกได้ว่า ถึงกลับมาเปิดได้จริงก็จะไม่มีหนังใหม่ให้ดูมากนัก
– แต่ถ้ามองในแง่ของจังหวะการลงทุน อาจจะมองว่าเป็นจุดที่ bottom ที่สุดแล้วได้หรือเปล่า เพราะในอนาคตอาจจะไม่มีอะไรที่ร้ายแรงกว่านี้แล้วก็ได้

SPA

Jitta Score 6.1 และราคายัง Under อยู่ที่ 13%

Jitta Factors ดีทั้ง Growth Opportunity, Recent Business Performance, Financial Strength และ Competitive Advantage เพราะว่าการเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้กำไร จ่ายปันผลทุกปี และมีหนี้สินระยะยาวที่ค่อนข้างต่ำ

ถ้าเรามาดูแบบละเอียดขึ้น ประเด็นที่น่าสนใจคือ

* SPA มี 63 สาขา รายได้ 1,400 ล้านบาท เติบโต 22% จาก SSSG 16% และสาขาใหม่ 7% แปลว่า ยอดขายร้านเดิมสำคัญ และการปิดสาขาก็จะกระทบกับรายได้อย่างมาก และเนื่องจาก fix cost ที่สูงจากพนักงานนวด ก็จะทำให้กำไรหายไปเยอะ

* 75% เป็นลูกค้าต่างชาติ โดยที่ 55% เป็นลูกค้าจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ซึ่งแน่นอนว่าช่วงนี้จะไม่มีลูกค้า และต้องติดตามว่าหลังจากเปิดประเทศได้ กว่าที่ลูกค้าจะกลับมาเต็มเหมือนเดิมจะเป็นเมื่อไร (ถ้ายึดตามคาดการณ์ของ AOT คือ Q4’2021)

โดยภาพรวม ต้องบอกว่า หุ้นทั้ง 2 กลุ่มนี้ เป็นหุ้นที่คุณภาพดี มีการเติบโตทั้งรายได้และกำไร แต่มาสะดุดตอน COVID-19 ที่ทำให้ขาดรายได้ไปเยอะ เพราฉะนั้นประเด็นสำคัญคือ เราต้องพิจารณาว่าถ้าวิกฤตผ่านไปจะกลับมาได้เร็วแค่ไหน และจะกลับมาเติบโตได้ดีดังเดิมหรือเปล่า เพราะถ้าใช่ ตอนนี้ก็อาจเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน

อยากดูข้อมูลหุ้นเพิ่มเติม เข้าดูได้ที่เว็บไซต์ www.jitta.com 
หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Jitta ที่ https://link.jitta.co/download

Source: S&P Global Market Intelligence เรียบเรียงโดย Jitta