ขณะที่นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอย่างเคร่งเครียด…
ในปีที่ผ่านมา ชาวไต้หวันกลับยิ้มแย้ม อ้าแขนรับเงินลงทุนเข้าประเทศกว่า 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่มากระตุ้น GDP ให้เติบโตอีกเกือบ 3% แซงหน้าตลาดอื่นๆ ในกลุ่ม “เสือแห่งเอเชีย” อย่างสิงคโปร์ ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ที่ปีที่แล้วเติบโตไม่ถึง 2%
เพราะสงครามการค้า ทำให้บริษัทหลายแห่งย้ายฐานการผลิตออกจากจีนแผ่นดินใหญ่กลับสู่ไต้หวัน เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ แถมยังมอบโอกาสให้ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนเสียงสูงที่สุดเป็นประวัติการ ดำเนินนโยบายส่งเสริมธุรกิจเพื่อลดการพึ่งพาประเทศจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน เช่น มาตรการลดดอกเบี้ย ช่วยเหลือด้านการหาพื้นที่จัดตั้งโรงงานต่างๆ เพื่อดึงดูดเงินลงทุนเข้าไต้หวันมากขึ้น
แต่ต่อให้ไม่มีสงครามการค้า ไต้หวันก็เป็นหนึ่งใน “4 เสือแห่งเอเชีย” ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเสรีเป็นอันดับ 10 ของโลก มั่งคั่งเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย และตลาดหุ้นเติบโตเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่มประเทศตลาดใหม่ (emerging market) และแม้จะเป็นเกาะที่มีพื้นที่อยู่อาศัยและทำการเกษตรไม่มาก ประชากรน้อยกว่าไทย 3.5 เท่า แต่ GDP ต่อหัว (ปรับอำนาจการซื้อ PPP) สูงกว่าไทยเกือบ 3 เท่าเลยทีเดียว
ด้วยนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม โดยเฉพาะการผลิตฮาร์ดแวร์ที่ค่อนข้างละเอียดซับซ้อนอย่างเซมิคอนดักเตอร์ ที่ต้องใช้ละเอียดความแม่นยำสูง ทำให้ไต้หวันเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอิเล็คทรอนิกส์อันดับต้นๆ ของโลก มีลูกค้าเป็นบริษัทใหญ่อย่าง Apple Dell และ HP และเกินดุลการค้าอยู่เสมอ
ยิ่งเทคโนโลยี 5G และ Internet of Things (IoT) เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยีเหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะชิปขนาด 7 นาโนเมตรที่เร็วกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า และเป็นชิปที่นิยมใช้กันในคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. Ltd. (TSMC) ผู้ผลิตและส่งออกชิปขนาด 7 นาโนเมตรรายแรกของโลก กินส่วนแบ่งการตลาดเซมิคอนดักเตอร์ถึง 50% ปัจจุบันกำลังเพิ่มกำลังผลิตชิปขนาด 5 นาโนเมตรให้ Apple และ Huawei และแข่งกับซัมซุงเพื่อเป็นบริษัทแรกที่ผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตรออกป้อนตลาด
และไม่ใช่แค่ TSMC บริษัทเดียวเท่านั้น ไต้หวันยังมีผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำคัญๆ อีกหลายราย ไม่ว่าจะเป็น ASMedia Technology Inc.ของ Asus Topco Scientific Co.,Ltd. หรือ Realtek Semiconductor Corp.
แม้ล่าสุด ทางรัฐบาลไต้หวันจะปรับลดอัตราการเติบโตของ GDP ที่คาดการณ์เอาไว้ลง จาก 2.72% เป็น 2.37% รับผลกระทบวิกฤตโคโรนาไวรัส Covid-19 ที่กำลังแพร่ระบาด ชะลอการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด แต่ไต้หวันก็ยังมีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ หรือ biotechnology ที่กำลังมาแรง และได้รับการผลักดันอย่างหนักหน่วงจากรัฐบาล ที่ต้องการปั้น biotech จากอุตสาหกรรมระดับพันล้านให้เป็นอุตสาหกรรมระดับล้านล้าน ขุมพลังใหม่แห่งการเติบโตที่จะขึ้นมาทัดเทียมอุตสาหกรรมการผลิตชิป เริ่มจากการจัดตั้ง National Biotech Research Park เพื่อเป็นศูนย์กลางของหน่วยงานด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็น Development Center for Biotechnology (DCB) องค์การอาหารและยาของไต้หวัน และหน่วยงานวิจัยอย่าง Academia Sinica เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกัน ส่งต่อผลวิจัยให้ธุรกิจ biotech ทั้งในและต่างประเทศ นำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตอนนี้ ไต้หวันติดอันดับ 23 จาก 53 ประเทศที่มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีชีวภาพยอดเยี่ยม มีกลุ่มธุรกิจ biotech จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เช่น Panion & Bf Biotech Inc.
เหนือสิ่งอื่นใด คือแรงงานคุณภาพจำนวนมาก โดย 37% เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนไต้หวัน เป็นเหล่านักเรียนที่ศึกษาทางด้านคณิตศาสตร์ การแพทย์ และวิทยาศาสตร์ และจะเป็นอาวุธสำคัญในการพิชิตเป้าหมายการเป็นเศรษฐกิจนวัตกรรมของไต้หวัน รากฐานทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างมั่นคง บวกกับอัตราการว่างงานและเงินเฟ้อที่ต่ำ จะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไต้หวันให้เติบโตในระยะยาว
นักลงทุนที่สนใจหุ้นไต้หวัน แต่อ่านงบการเงินภาษาจีนไม่ได้ สามารถเข้าไปดูวิเคราะห์ธุรกิจไต้หวันจากตลาดหลักทรัพย์ Taiwan Stock Exchange (TWSE) ใน www.jitta.com หรือแอปพลิเคชัน Jitta ได้แล้ววันนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เริ่มค้นหาหุ้นดีราคาถูกตลาดไต้หวัน
- Topbi International Holdings Limited
- Tripod Technology Corporation
- Farglory Free Trade Zone Investment Holding Co., LTD.
- Li Cheng Enterprise Co., LTD.
- Radiant Opto-Electronics Corporation
อ้างอิง
Taiwan Economy: Population, GDP, Inflation, Business, Trade, FDI, Corruption. (2020). Retrieved 20 February 2020, from https://www.heritage.org/index/country/taiwan
Bubble milk tea estimated to create US$1 billion in business – Focus Taiwan. (2020). Retrieved 20 February 2020, from https://focustaiwan.tw/business/201910030008
Statistical Indicators. (2020). Retrieved 20 February 2020, from https://english.moe.gov.tw/cp-86-18943-e698b-1.html