จริงๆแล้ว การลงทุนให้ประสบความสำเร็จนั้น ก็ไม่ได้แตกต่างจากการทำธุรกิจ (หรือกิจกรรมอื่นๆ) ให้ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่นะครับ
หลักการพื้นฐานทั้งหมดก็คือ PDCA หรือ Plan Do Check Act ที่ทุกคนเคยได้ยินมากันตั้งแต่เด็กแล้ว เพียงแค่นั้นเอง
- Plan : วางแผน
- Do : ลงมือทำ
- Check : ติดตาม ตรวจสอบ วัดผล
- Act : หาวิธีปรับปรุงให้ดีขึ้น
ซึ่งคนส่วนมากเวลาจะทำโปรเจ็คต่างๆให้สำเร็จก็ทำตาม PDCA นี้ได้โดยง่ายครับ แต่พอมาเป็นเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว ไม่รู้ทำไม logic ที่เรียบง่ายเหล่านี้กลับหายไปหมดครับ
ลองถามตัวเองดูก็ได้ครับว่า เราได้เคยวางแผนลงทุนไว้บ้างไหม เราลงทุนโดยใช้หลักการอะไรบ้าง ลงทุนแล้วเป็นอย่างไร ได้ผลแค่ไหน ดีกว่า benchmark อะไรบ้าง และเราจะลงทุนให้ดีขึ้นได้อย่างไร
เท่าที่ผมสัมผัสมา คนส่วนมากที่เสียเงินให้ตลาดหุ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้น (หรือไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งให้เพิ่มขึ้นได้มากนัก) มักจะโดดเข้าไปซื้อขายหุ้นเพียงอย่างเดียว โดยไม่เคยมีแผนการ ไม่มีหลักการ ไม่รู้ว่าจะวัดผลยังไง และไม่รู้จะลงทุนยังไงต่อ สุดท้ายแล้ว ก็ปล่อยให้เรื่องกำไรขาดทุนเป็นเรื่องของจังหวะและโชคชะตาเท่านั้นเอง ไม่มีการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการลงทุนใดๆเกิดขึ้นเลย แม้บางคนจะลงทุนมาแล้วหลายปีก็ตาม
สำหรับ Jitta เองนั้น ตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมาก็มี mission ที่ต้องการจะช่วยให้คนทั่วโลกลงทุนได้ง่ายขึ้น และได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น (Make investment eaiser and better for everyone)
ดังนั้นสิ่งแรกที่พวกเราสร้างขึ้นมาก็คือ Jitta Intel ที่ช่วยวิเคราะห์งบการเงินและสรุปออกมาเป็นค่าที่ดูง่ายเช่น Jitta Score, Jitta Line แล้วก็ตามมาด้วย Jitta Factor, Jitta Signs และฟังค์ชั่นอื่นๆในการค้นหาหุ้นดีๆมากมาย เช่น Browse, Screener, Comparison จากนั้นเมื่อเราได้หุ้นที่เราสนใจหรือได้ลงทุนไปแล้ว ก็มีฟังค์ชั่นดีๆอย่าง Follow, Alert เพื่อคอยติดตามหุ้นไปเรื่อยๆว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ซึ่งทั้งหมดนั่นก็คือ การที่ Jitta เข้ามาช่วยในขั้นตอน Do (ลงมือทำ) เป็นหลักนั่นเองหรืออีกนัยน์หนึ่งก็คือ การช่วยให้ทุกคนลงทุนได้อย่างมีหลักการมากขึ้น (แน่นอนว่าเป็นหลักการของ Warren Buffett ที่พิสูจน์มาแล้วว่าได้ผล และพิสูจน์อีกครั้งด้วยผลตอบแทนจาก Jitta Ranking)
และจากที่ผมได้คอยติดตามผลงานของผู้ใช้งาน Jitta มาเรื่อยๆ ก็พบว่า Jitta ทำหน้าที่ในส่วนนี้ได้ค่อนข้างดีแล้ว ทุกคนมั่นใจและมีความสุขในการลงทุนมากขึ้น และแน่นอนว่า ผลตอบแทนโดยรวมก็ดีขึ้นด้วยครับ
ดังนั้นช่วงนี้ Jitta เลยพยายามมาเน้นเติมเต็มในส่วนอื่นๆที่นักลงทุนขาดไปมากขึ้น ก็คือ เรื่องของ Plan, Check, Act นั่นเองครับ
ช่วงเดือนที่แล้ว Jitta จึงได้สร้าง Jitta Financial Planner ขึ้นมา เพื่อให้เราวางแผนการลงทุนได้ดีขึ้นว่า เราควรจะต้องออมเงินเท่าไหร่ และ ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนกี่เปอร์เซ็นต์ต่อไป ไปกี่ปี จึงจะมีเงินตามเป้าหมายที่ต้องการ
ซึ่งแม้จะยังเป็นแค่เวอร์ชั่นแรกอยู่ก็ตาม แต่ผมก็คิดว่าน่าจะช่วยเรื่องการวางแผน วางเป้าหมาย ได้เรียบร้อยแล้วครับ แต่ทั้งนี้พวกเราก็จะค่อยๆปรับปรุงตัว Jitta Financial Planner ให้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ ใครใช้แล้วมีข้อเสนอแนะอย่างไรก็บอกได้เลยนะครับ
เสร็จจาก Plan แล้ว ถัดมาก็เป็นเรื่องของ Check, Act ที่ค่อนข้างจะทำได้ยากกว่าการ Plan มาก แต่เป็นสิ่งที่สำคัญมากไม่แพ้ส่วนอื่นๆ หรือ อาจจะมากกว่าอีกด้วยซ้ำ เพราะเป็นส่วนของการวัดผล เรียนรู้ และ พัฒนาตนเอง ครับ
แต่เท่าที่ดูมา คนส่วนมากขาดรูปแบบวิธีการวัดผลตอบแทนการลงทุนที่ถูกต้องและเป็นระบบ หรือที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ หลายๆคนไม่เคยมีการเก็บข้อมูลและวัดผลตอบแทนการลงทุนเป็นรูปธรรมเลย ทำให้
- บางคนอาจจะดีใจกับการกำไร 100% จากหุ้นบางตัวภายในเวลา 1 เดือน แต่ลืมดูไปว่าครั้งอื่นๆขาดทุนแค่ไหน และทั้งปีผลตอบแทนโดยรวมของทั้งพอร์ตดีกว่าดัชนีแค่ไหน เติบโตได้ตามที่วางแผนหรือเปล่า เป็นต้น
- บางคนไม่เคยมีการแยกบัญชีเงินส่วนตัวกับบัญชีการลงทุนกันให้ชัดเจน ทำให้เงินสดปนกันมั่วไปหมด ก็ไม่สามารถวัดผลตอบแทนได้เช่นเดียวกันว่า แต่ละปีลงทุนได้ดีแค่ไหน
- บางคนไม่เคยรู้เลยว่า ในการลงทุน 10 ครั้ง ขาดทุนกี่ครั้ง กำไรกี่ครั้ง ขาดทุนเฉลี่ยครั้งละกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นเงินเท่าไหร่ กำไรเฉลี่ยครั้งละกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นเงินเท่าไหร่
- บางคนไม่รู้เลยว่า กำลังถือหุ้นแต่ละตัวเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ เงินจำนวนมากของพอร์ตอยู่ในหุ้นที่มีความมั่นใจมากแค่ไหน พอร์ตโดยรวมมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน
- บางคนไม่เคยรู้เลยว่า หุ้นตัวไหนที่เคยทำกำไรได้สูงเป็นพิเศษ เพราะอะไร? หุ้นตัวไหนที่เคยขาดทุนมากเป็นพิเศษ เพราะอะไร?
การ Check, Act ที่ดีนั้น คือ การมองที่ผลตอบแทนรวมของพอร์ตการลงทุน หรือ ภาพรวมของรูปแบบการลงทุน เพื่อให้เราเข้าใจรูปแบบการลงทุนของตนเองและตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้นเรื่อยๆนั่นเองครับ
ยิ่งเรามีระบบในการทำ Check, Act ที่ดีเท่าไหร่ เราก็จะยิ่ง Plan, Do ได้ดีมากขึ้นไปเรื่อยๆครับ จนสุดท้ายเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว การลงทุนของเราก็จะง่ายและสนุกขึ้นอีกเยอะครับ
และเพื่อทำให้ทุกคนสามารถ Check, Act การลงทุนของตนเองได้ดีขึ้น ตอนนี้ทีมงาน Jitta นำโดย Chonlatee Jumratsee ก็เลยกำลังสร้าง Jitta Portfolio กันขึ้นมาอยู่ครับ
ซึ่งขณะนี้ Jitta Portfolio เวอร์ชั่นแรกก็ได้ลองเปิดให้ beta users บางคนทดลองใช้อยู่ครับ คิดว่าอีกไม่นานเกินรอ คงจะได้เปิดให้ทุกคนมาลองใช้งานได้แล้วครับ (ใครสนใจจะลองใช้งาน ก็เตรียมตัว และ เตรียมข้อมูลการลงทุนในอดีตที่เคยผ่านมาให้พร้อมนะครับ จะได้ทดลองใช้และเรียนรู้ไปพร้อมๆกันได้เลย)
และเมื่อ Jitta Portfolio เสร็จสมบูรณ์ กระบวนการ PDCA ของการลงทุนทั้งหมดก็จะครบถ้วนแล้วครับ
ซึ่งผมก็หวังว่าผู้ใช้งาน Jitta ทุกคนจะได้ใช้เครื่องมือทั้งหมดที่ Jitta มีให้ ทำ PDCA เพื่อพัฒนารูปแบบการลงทุนของตนเองให้สามารถลงทุนได้ง่ายขึ้นและได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น ตาม mission ของ Jitta นั่นเองครับ
ปล. ตอนที่ Warren Buffett เปิดห้างหุ้นส่วนเพื่อการลงทุนแรกๆนั้น ตั้งเป้าหมายแค่เพียงว่า ให้ผลตอบแทนการลงทุนชนะดัชนีตลาดทุกปี ก็พอแล้ว ซึ่งด้วยการตั้งเป้าหมาย การลงมือทำ การวัดผล และการพัฒนารูปแบบการลงทุนที่ดี ก็ทำให้ Warren Buffett สามารถทำผลตอบแทนชนะดัชนีได้เกือบทุกปีเป็นระยะเวลากว่า 50 ปี และกลายมาเป็นตำนานของนักลงทุนในปัจจุบันครับ