by Phillip
วันที่ 9 ก.ย. 2568 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 10 ก.ย. 2568
กองทุนดัชนี (Index Fund) คืออะไร ทำไมเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่

กองทุนดัชนี (Index Fund): ทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับมือใหม่

มือใหม่หัดลงทุน ไม่มีเวลาติดตามตลาด แต่อยากได้ผลตอบแทนที่ดี ? กองทุนดัชนี (Index Fund) อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา ด้วยการลงทุนที่เข้าใจง่าย ค่าธรรมเนียมต่ำ และเหมาะกับการลงทุนระยะยาว

กองทุนดัชนี (Index Fund) คืออะไร ?

กองทุนหุ้นดัชนี

ความหมายและหลักการทำงานของกองทุนดัชนี

กองทุนดัชนี หรือ กองรวมทุนดัชนี เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่มีนโยบายลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิง (Benchmark) โดยจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีนั้น ๆ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับน้ำหนักที่มีในดัชนี ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับดัชนีอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่างกองทุนดัชนีและกองทุนรวมทั่วไป

กองทุนดัชนีแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไปตรงที่ไม่ได้พึ่งพาการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนในการเลือกหลักทรัพย์ แต่จะลงทุนตามองค์ประกอบของดัชนีโดยอัตโนมัติ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่ต่ำกว่า ทั้งยังมีความโปร่งใสมากกว่า เนื่องจากนักลงทุนสามารถทราบได้ว่ากองทุนเข้าไปลงทุนในอะไรบ้าง

ประเภทของดัชนีที่กองทุนอ้างอิง

ในประเทศไทย กองทุนดัชนีส่วนใหญ่จะอ้างอิงกับดัชนีหลัก ๆ ได้แก่

  • SET50 Index : ดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่ 50 อันดับแรก
  • SET100 Index : ครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่และกลาง 100 อันดับแรก
  • SET Total Return Index (SET TRI) : สะท้อนผลตอบแทนรวมของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
กองทุนดัชนี (Index Fund) คือกองทุนรวมที่ลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิง

ทำไมต้องลงทุนในกองทุนดัชนี ?

ข้อดีด้านค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า

เนื่องจากกองทุนดัชนีใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive ที่ไม่ต้องมีทีมวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจลงทุน ทำให้มีค่าธรรมเนียมการจัดการที่ต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป 3-4 เท่า ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลต่อผลตอบแทนสุทธิที่นักลงทุนจะได้รับอย่างมีนัยสำคัญ

การกระจายความเสี่ยงอัตโนมัติ

การลงทุนในกองทุนดัชนีช่วยให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการกระจายการลงทุนโดยอัตโนมัติ เพราะดัชนีมักจะประกอบด้วยหุ้นจากหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้ความเสี่ยงจากการลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่งลดลง

ความโปร่งใสในการลงทุน

นักลงทุนสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของพอร์ตการลงทุนได้ง่าย เพราะองค์ประกอบของดัชนีมีการเปิดเผยต่อสาธารณะและมีการทบทวนปรับปรุงตามรอบเวลาที่ชัดเจน

กองทุนดัชนีเหมาะกับใคร ?

  • นักลงทุนมือใหม่ : เข้าใจง่าย ไม่ต้องมีความรู้ด้านการวิเคราะห์หุ้นมากนัก และมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ต่ำ
  • ผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว : กองทุนดัชนีมักให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อลงทุนต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามตลาด : ไม่ต้องติดตามผลประกอบการรายบริษัท ลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาด และประหยัดเวลาในการบริหารพอร์ต

วิธีเลือกกองทุนดัชนีให้เหมาะกับตัวเอง

การพิจารณาดัชนีอ้างอิง

ควรเลือกดัชนีที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุน เช่น หากต้องการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความผันผวนต่ำ อาจเลือกกองทุนที่อ้างอิง SET50 Index

การเปรียบเทียบค่าธรรมเนียม

ควรเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการจัดการระหว่างกองทุนดัชนีที่อ้างอิงดัชนีเดียวกัน เพราะค่าธรรมเนียมที่ต่างกันจะส่งผลต่อผลตอบแทนในระยะยาว

การดูผลการดำเนินงานย้อนหลัง

พิจารณาค่า Tracking Error ที่แสดงว่ากองทุนนั้น ๆ สามารถลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากน้อยเพียงใด

กองทุนดัชนีอาจลงทุนด้วยกลยุทธ์ DCA และกระจายความเสี่ยงไปหลายดัชนี

กลยุทธ์การลงทุนในกองทุนดัชนี

การลงทุนแบบ DCA

การทยอยลงทุนสม่ำเสมอทุกเดือน (Dollar-Cost Averaging) เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับการลงทุนในกองทุนดัชนี ทั้งยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

การกระจายการลงทุนในหลายดัชนี

ควรพิจารณาลงทุนในกองทุนดัชนีที่อ้างอิงดัชนีหลากหลายประเภท เพื่อกระจายความเสี่ยงให้มากขึ้น

การวางแผนระยะยาว

กำหนดเป้าหมายและระยะเวลาการลงทุนที่ชัดเจน และยึดมั่นกับแผนการลงทุนแม้ในช่วงที่ตลาดผันผวน

ข้อควรระวัง/ข้อจำกัดการลงทุนกองทุนดัชนี

แม้ว่ากองทุนดัชนีจะมีข้อดีหลายประการ แต่นักลงทุนควรตระหนักถึงข้อจำกัดด้วยเช่นกัน 

  • กองทุนดัชนีไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด (Beat the Market) เพราะมุ่งเน้นการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี
  • กองทุนดัชนีมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในดัชนี SET50
  • กองทุนดัชนีอาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตการลงทุนตามสภาวะตลาด

หากคุณกำลังมองหาวิธีการลงทุนที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ กองทุนดัชนี (Index Fund) อาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ ลงทุนกองทุนรวมกับ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในกลุ่มบริษัท PhillipCapital จากสิงคโปร์ ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี มีเครือข่ายใน 5 ทวีป 15 ประเทศทั่วโลก สามารถเลือกซื้อได้ทั้งกองทุนรวมทั่วไป และกองทุนรวมลดหย่อนภาษี เลือกกองทุนได้หลากหลาย ซื้อ-ขาย-สับเปลี่ยน ได้ถึง 21 บลจ. ครบ จบ ในที่เดียว