by Trawut Luangsomboon
วันที่ 6 ม.ค. 2563 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 24 ม.ค. 2563
ผลตอบแทนของ Jitta Ranking ประจำปี 2562

สวัสดีปีใหม่ 2563 ครับ 

เป็นประจำทุกปี ที่ทาง Jitta จะเปิดเผยผลตอบแทนของ Jitta Ranking Top 30 ให้ทุกคนได้เห็นว่าหุ้นที่เราเลือกไว้ในปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง ซึ่งปีนี้ก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังกันครับ โดยในที่นี้ก็ขอนำมาพูดถึงเฉพาะตลาดหุ้นใน 7 ประเทศที่ Jitta เปิดให้บริการอยู่ในปีที่แล้วนะครับ

1. ตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนสูงมาก ยากที่ใครจะคาดเดาได้ว่าในแต่ละปีจะขึ้นจะลงเท่าไหร่ อย่างปี 2018 นั้น ตลาดหุ้นติดลบกันหมดเลย และมีการคาดการณ์ว่าปี 2019 ตลาดหุ้นน่าจะแย่กว่าเดิม ซึ่งระหว่างปีเราก็จะได้ยินข่าวร้ายต่างๆ ถาโถมกันเข้ามาทั้งปี ทั้งเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา หรือ การออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ไปจนถึงการเดินขบวนประท้วงในฮ่องกง

แต่เมื่อจบปี ตลาดหุ้นในปี 2019 กลับเป็นปีที่ตลาดหุ้นทำผลตอบแทนโดยเฉลี่ยได้ค่อนข้างดี ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้ง 7 ประเทศครับ ทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และ ฮ่องกง ที่มีปัญหารุมเร้ากันตลอดปีก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดีมากครับ โดยตลาดหุ้นทั้ง 7 ให้ผลตอบแทนเรียงลำดับดังนี้ครับ

ดังนั้นถ้าเราต้องการจะลงทุนในตลาดหุ้น เราควรจะควบคุมตัวเองให้ได้ ไม่หวั่นไหวไปกับตลาดที่กำลังติดลบ พอร์ตที่กำลังลดลง หรือข่าวร้ายๆต่างๆ ที่เราได้ยินได้ฟังทุกวันครับ เพราะถ้าหากเราหวั่นไหว ตกใจกลัว และขายหุ้นไปในปีที่ตลาดแย่ๆ เราจะพลาดผลตอบแทนที่ดีในปีถัดๆ มาได้ครับ

ที่ดีที่สุดคือ ให้เราลงทุนในหุ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องหวั่นไหวไปกับผลตอบแทนรายปี เพราะเรารู้ชัดว่าในระยะยาวตลาดหุ้นจะขึ้น ถ้าปีไหนที่ตลาดหุ้นลดลง หากเรามีเงินลงทุนเพิ่มได้ ก็ควรจะลงทุนเพิ่ม เพราะจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นในปีถัดๆ ไปเมื่อตลาดกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดี

2. ในส่วนของ Jitta Ranking ที่เราใช้หลักการเลือกหุ้นแบบเน้นคุณค่า เลือกลงทุนใน “หุ้นดี ราคาถูก” โดยไม่สนใจอารมณ์ของตลาด ไม่ใส่ใจข่าวดี ข่าวร้ายใดๆ สนใจเพียงแค่ผลประกอบการจริงๆ ของบริษัทต่างๆ ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร และทำการเลือกหุ้นไว้ 30 ตัวตั้งแต่ต้นปี 2019 พบว่า ณ สิ้นปี 2019 หุ้นที่เราเลือกไว้ในแต่ละประเทศให้ผลตอบแทนเรียงลำดับตามนี้

เห็นได้ว่า Jitta Ranking ให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกใน 5 ประเทศ และติดลบ 2 ประเทศ แต่โดยเฉลี่ย 7 ประเทศ สามารถทำผลตอบแทนได้ดีมากที่ 14.53%

3. เมื่อลองเทียบผลตอบแทนระหว่างตลาดหุ้นและ Jitta Ranking top 30 ก็จะพบว่า

  • ผลตอบแทน Jitta Ranking top 30 ชนะตลาดใน 5 ประเทศ และ แพ้ตลาดใน 2 ประเทศ
  • ประเทศที่ชนะตลาดมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น ชนะไป 14.63%
  • ประเทศที่แพ้ตลาดมากที่สุดคือ เวียดนาม แพ้ไป 13.99%
  • ผลตอบแทนเฉลี่ยชนะตลาด 2.65%

จะเห็นว่าด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่ถูกต้อง เราอาจจะไม่จำเป็นต้องไปนั่งซื้อๆ ขายๆ หุ้น หรือทำอะไรให้วุ่นวายมากเกินความจำเป็น ก็สามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะในปีที่ตลาดทำผลตอบแทนได้ดี ซึ่งในท้ายที่สุด ก็จะทำให้เราสร้างและสะสมความมั่งคั่งได้ในระยะยาว

แต่ทั้งนี้เราไม่ควรจะคาดหวังว่าผลตอบแทนของ Jitta Ranking จะชนะตลาดได้ทุกปี เพราะเราต้องเข้าใจว่า ถ้าหากเราลงทุนในหุ้นตลอดเวลา จะไม่มีกลยุทธ์ใดที่สามารถให้ผลตอบแทนชนะตลาดได้ทุกปี เนื่องจากตลาดหุ้นนั้นไม่ได้มีเหตุผลตลอดเวลา แม้ว่าบางปีเราอาจจะเลือกหุ้นได้ถูกต้อง เป็นหุ้นที่ดีและราคาถูกมาก แต่ถ้าหากคนในตลาดไม่เห็นคุณค่านั้นและไปนิยมชมชอบหุ้นกลุ่มอื่นๆ ทำให้หุ้นกลุ่มนั้นมีราคาสูงขึ้น ผลตอบแทนของเราก็อาจจะแพ้ตลาดได้ในปีนั้น แต่ในระยะยาวแล้ว ความไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ ก็จะเกิดขึ้นได้แค่ช่วงสั้นๆ สุดท้ายตลาดก็จะต้องปรับสมดุลย์และกลับมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมอีกครั้ง ก็จะทำให้หลังจากปีที่ผลตอบแทนของเราแพ้ตลาดติดๆ กัน ก็จะกลับมาชนะตลาดติดๆ กันหลายปีได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นจะเห็นได้จากผลตอบแทนหุ้นไทยและเวียดนามของ Jitta Ranking Top 30 ที่ปีนี้ให้ผลตอบแทนแย่กว่าตลาดหุ้น โดยเฉพาะเวียดนามที่แย่กว่าตลาดถึง 13.99% ซึ่งถ้าหากเราลองมาพิจารณาถึงผลตอบแทนรายปีที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา (2009-2018) ของตลาดหุ้นไทยและเวียดนาม ก็จะพบว่า

ประเทศไทย 🇹🇭

  • ใน 10 ปี ผลตอบแทน Jitta Ranking Top 30 ชนะตลาดอยู่ 7 ปี แพ้ตลาดอยู่ 3 ปี
  • ผลตอบแทนชนะตลาด 6 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2011-2016 จากนั้นก็ค่อยแพ้ตลาดอยู่ 2 ปี ในปี 2017-2018

ดังนั้นการได้ผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดในปี 2019 นิดหน่อย ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติครับ เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ได้ทำผลตอบแทนชนะตลาดต่อเนื่องมายาวนานถึง 6 ปีแล้ว การได้น้อยกว่าตลาดบ้างใน 3 ปีล่าสุด ก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติ และคาดว่าในอีกไม่นานผลตอบแทนของ Jitta Ranking ก็จะสามารถกลับมาเอาชนะตลาดได้อย่างต่อเนื่องอีกครั้งนึงครับ

ประเทศเวียดนาม 🇻🇳

  • ใน 10 ปี ผลตอบแทน Jitta Ranking ชนะตลาดอยู่ 7 ปี แพ้ตลาดอยู่ 3 ปี
  • ผลตอบแทนแพ้ตลาดในปี 2011-2012 จากนั้นก็กลับมาชนะตลาด 5 ปีติดต่อกันในปี 2012-2016 จากนั้นแพ้ตลาดในปี 2017 และกลับมาชนะตลาดในปี 2018

จะเห็นว่า การที่ผลตอบแทนในปี 2019 น้อยกว่าตลาดไป 13.99% นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่มากอะไรครับ เพราะมีช่วงชนะตลาดมายาวนาน และในปี 2018 ก็ยังชนะตลาดไปพอสมควร ในปี 2019 ก็กลับมาแพ้ตลาดเยอะหน่อย ซึ่งคิดว่าในปีถัดๆ ไป ก็น่าจะกลับมาชนะตลาดได้เช่นกันครับ

ดังนั้นถ้าเราเข้าใจว่าตลาดหุ้นทุกแห่งเป็นวัฏจักร กลยุทธ์ที่ดีจะชนะตลาดมากกว่าแพ้ตลาด ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่า ในปี 2020-2021 นี้ Jitta Ranking Top 30 น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีในตลาดหุ้นไทยและเวียดนามครับ

นอกเหนือจากตัวเลขแล้ว ถ้าตอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัว เหตุผลที่ผลตอบแทนประเทศไทยน้อยกว่าตลาด ส่วนนึงก็น่าจะเป็นเพราะว่า ใน 2-3 ปีมานี้ นักลงทุนรายย่อยในไทยลงทุนน้อยลง ทำให้หุ้นขนาดเล็กถึงกลางให้ผลตอบแทนที่ไม่ค่อยดีมาก ในขณะที่หุ้นใหญ่ๆ นั้นมีเงินลงทุนจากสถาบันเข้ามาลงทุนเพิ่มอยู่ตลอด ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมของตลาดหุ้นยังคงดีอยู่

สำหรับเวียดนามเองนั้น ผมคิดว่าน่าจะด้วยนักลงทุนรายย่อยยังมีน้อย และยังลงทุนโดยเน้นที่การเก็งกำไรกันมากกว่าเน้นที่มูลค่าของหุ้น ทำให้หุ้นหลายๆ ตัวที่มีคุณภาพดีและราคาถูกอยู่ ราคาก็ยังคงถูกอยู่แบบนั้น ยังไม่มีเงินเข้ามาลงทุนเพื่อให้ราคาเข้าใกล้มูลค่าได้ หุ้นที่ขึ้นส่วนมากก็ยังเป็นหุ้นตัวใหญ่ๆ ที่กองทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนได้เป็นหลัก

4. ในประเทศที่ Jitta Ranking top 30 ให้ผลตอบแทนชนะตลาด มีถึง 2 ประเทศที่ให้ผลตอบแทนชนะตลาดมากกว่า 10% คือ ญี่ปุ่น และอังกฤษ โดยชนะอยู่ที่ +14.63% และ +13.79% ตามลำดับ

ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราดูแค่นี้ก็อาจจะรู้สึกว่าทั้ง 2 ประเทศนี้น่าลงทุนดีจัง แต่ถ้าหากเรามองย้อนกลับไป 10 ปีเช่นเดียวกับตลาดไทยและตลาดเวียดนาม เราก็จะเห็นว่า ผลตอบแทนของ Jitta Ranking ก็ไม่ได้ชนะตลาดทุกปีเช่นเดียวกัน โดย

ประเทศญี่ปุ่น 🇯🇵

  • ใน 10 ปี ผลตอบแทน Jitta Ranking ชนะตลาดอยู่ 7 ปี แพ้ตลาดอยู่ 3 ปี
  • ผลตอบแทนเคยชนะตลาดติดกันมากสุด 4 ปี ในปี 2009-2012
  • ผลตอบแทนในช่วง 4 ปีหลังสุด จะแพ้และชนะตลาดสลับกันไปมา

ประเทศอังกฤษ 🇬🇧

  • ใน 10 ปี ผลตอบแทน Jitta Ranking ชนะตลาดอยู่ 8 ปี แพ้ตลาดอยู่ 2 ปี
  • ผลตอบแทนเคยชนะตลาดติดกันมากสุด 7 ปี ตั้งแต่ปี 2009-2015
  • ผลตอบแทนในช่วง 4 ปีหลังสุด จะแพ้และชนะตลาดสลับกันไปมา

ดังนั้นแล้ว การที่ Jitta Ranking ทั้งในญี่ปุ่นและอังกฤษ ทำผลตอบแทนชนะตลาดได้ดีมากในปี 2019 ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติอีกเช่นเดียวกัน

แม้ว่าผลตอบแทนของ Jitta Ranking จะไม่ได้ชนะตลาดแบบหวือหวา แต่ก็สร้างผลตอบแทนได้สูงเป็นอันดับที่ 2 ในบรรดา 7 ประเทศ

ประเทศสหรัฐอเมริกา 🇺🇸

  • ใน 10 ปี ผลตอบแทน Jitta Ranking ชนะตลาดอยู่ 7 ปี แพ้ตลาดอยู่ 3 ปี
  • ผลตอบแทนเคยชนะตลาด 2 ปี แพ้ 1 ปี สลับกันไปมา
  • ผลตอบแทนในช่วง 4 ปีหลังสุด มีแพ้ 2 ปี ชนะ 2 ปี

ถ้าดูผลตอบแทนทบต้นย้อนหลัง 5 ปีล่าสุด (2015-2019) ก็จะเห็นว่า Jitta Ranking ทำผลตอบแทนเทียบกับตลาดได้ค่อนข้างดี โดยเฉลี่ยทั้ง 7 ประเทศ ให้ผลตอบแทนชนะตลาดหุ้นอยู่ที่ 4.2% ทบต้นต่อปี โดยชนะตลาดหุ้นใน 5 ประเทศ และแพ้ใน 2 ประเทศ

โดยประเทศที่ Jitta Ranking ทำผลตอบแทนชนะตลาดนั้น ชนะค่อนข้างเยอะ โดยประเทศอังกฤษ ญี่ปุ่น และ สิงคโปร์ ชนะตลาดถึง 7% – 8% ต่อปี ในขณะที่ 2 ประเทศที่ทำผลตอบแทนได้น้อยกว่าตลาด คือ สหรัฐอเมริกา และ เวียดนาม นั้น แพ้ตลาดอยู่เพียงแค่ไม่ถึง 1% ต่อปีครับ

แสดงให้เห็นว่าโดยรวมแล้ว กลยุทธ์การลงทุนตาม Jitta Ranking ค่อนข้างปลอดภัย ในระยะยาวแล้วผลตอบแทนก็ยังสามารถเติบโตไปตามผลตอบแทนของตลาดหุ้นได้ดีอยู่ อยู่ที่จะมากกว่าหรือน้อยกว่าแค่ไหน แต่โอกาสที่ลงทุนไปหลายๆ ปีแล้วผลตอบแทนติดลบหรือขาดทุนนั้นแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย ทั้งๆ ที่ใน 5 ปีที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกค่อนข้างผันผวนมาก มีทั้งปีที่ดีและแย่สลับกันไปมาในหลายๆประเทศ

โดยสรุปแล้วจะเห็นว่า ตลาดหุ้นมีขึ้นมีลงเป็นวัฏจักร ตามอารมณ์ของตลาด แต่ในระยะยาวตลาดหุ้นก็จะเติบโตขึ้นจากปัจจัยพื้นฐาน ก็คือ เศรษฐกิจของแต่ละประเทศที่เติบโตขึ้น ส่งผลให้ในระยะยาวตลาดหุ้นก็จะเติบโตประมาณปีละ 8% – 10% ได้

ซึ่งถ้าหากเราลงทุนในตลาดหุ้นด้วยกลยุทธ์ที่ถูกต้อง ในระยะยาวเราก็คาดหวังผลตอบแทนที่ดีพอๆกันหรือดีกว่าตลาดหุ้นได้ เพียงแต่เราจำเป็นที่จะต้องมุ่งมั่นและลงทุนให้นานเพียงพอถึงจะเห็นผล อาจจะต้องลงทุนอย่างน้อย 5-10 ปีขึ้นไป เพราะโดยเฉลี่ยทุกๆ 10 ปี ตลาดหุ้นมักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่าเป็นลบครับ

เราไม่ควรจะหวั่นไหวไปกับอารมณ์หรือผลตอบแทนของตลาดในแต่ละปี และทำการโยกย้ายเงิน หรือ เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การลงทุนไปมา โดยเฉพาะเมื่อเราเจอปีที่ผลตอบแทนไม่ค่อยดี เพราะการทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้ผลตอบแทนโดยรวมของเราแย่ลง

พยายามมีสติ และสำรวจความคิดของตนเองเสมอว่า เราเข้าใจธรรมชาติของตลาดหุ้นมากน้อยแค่ไหน หลักการลงทุนของเราเหมาะสมและถูกต้องไหม ซึ่งถ้าหากเราเข้าใจและยังทำทุกอย่างได้ถูกต้อง สุดท้ายเราก็จะลงทุนได้อย่างสบายใจ และพอร์ตของเราก็จะเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ ได้เองครับ

ในปี 2019 ที่ผ่านมา ทีมงาน Jitta ก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมุ่งมั่นพัฒนากันอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างผลตอบแทนดีที่สุดให้แก่นักลงทุน โดยได้อัปเดตอัลกอริทึมวิเคราะห์ Jitta Score และ Jitta Line เพื่อเพิ่มความละเอียดแม่นยำในการวิเคราะห์หุ้นของ Jitta ดังนี้ 

  1. วิเคราะห์การเติบโตของธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับความสม่ำเสมอของการเติบโตมากยิ่งขึ้น 
  2. พิจารณาการเปลี่ยนแปลงของอัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของธุรกิจโภคภัณฑ์ (commodity) เช่น ธุรกิจพลังงาน เหล็ก ผลิตภัณฑ์เกษตร ที่มีความผันผวนของต้นทุนค่อนข้างสูง เพื่อคัดกรองหาหุ้นดีราคาถูกอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. คำนวณราคาหุ้นเทียบกับ Jitta Line เพื่อแสดงความถูก แพง ของหุ้น และเปลี่ยนจากคำว่า Above/Below Jitta Line เป็น Over/Under Jitta Line แทนเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

เรามีอัปเดตการพิสูจน์ผลตอบแทนย้อนหลัง (backtest) ของการลงทุนใน Jitta Ranking ตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปีล่าสุด รวมถึงการพิสูจน์ไปข้างหน้า (forward test) โดยแสดงรายชื่อหุ้นของ Jitta Ranking Top 30 ของต้นปี 2020 ซึ่งเราจะมาดูผลตอบแทนตอนสิ้นปีกันครับ  สามารถคลิกดูได้ที่นี่เลยครับ

ขอให้มีความสุขและประสบความสำเร็จในการลงทุนของปี 2020 นี้นะครับ

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์​
ผู้ก่อตั้ง Jitta