by Jitta
วันที่ 26 ต.ค. 2563 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 12 ม.ค. 2566
ตระเวนหาโอกาสลงทุนกับหุ้นจีน ตอนที่ 3

ตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศจีนมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของทั้งโลก* ด้วยอัตราการเติบโต 16% ในปีนี้ คาดว่าตลาดจีนจะมีขนาดใหญ่ถึง 14 ล้านล้านหยวน

หลายๆท่านอาจจะรู้จักเพียงแค่ #Alibaba เท่านั้น

วันนี้ผมเลยขอมาแชร์ผู้ให้บริการเจ้าใหญ่อีกรายอย่าง #JD.com ที่มีเครือข่ายบริหารคลังสินค้า 750 แห่งในจีน และพนักงานขนส่งกว่า 130,000 คน

บริษัทถูกก่อตั้งโดยนาย Liu Qiangdong ในปี 1998 โดยในช่วงแรกใช้ชื่อว่า 360buy.com และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น JD.com ในปี 2013 เป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซแบบขายสินค้าโดยตรงกับลูกค้ารายย่อย (B2C) เป็นคู่แข่งรายสำคัญกับ Tmall ของอาลีบาบา

ที่แตกต่างกันคือ JD.com เป็นผู้รับสินค้ามาจากผู้ผลิตสินค้ากว่า 24,000 รายแล้วนำมาขายต่อให้ลูกค้ารายย่อยโดยบริหารจัดการระบบคลังสินค้าและขนส่งด้วยตัวเองทั้งหมด

ในขณะที่อาลีบาบาเป็นตัวกลางอย่างเดียว รายได้หลักคือค่าคอมมิชชั่น นอกจากนี้ยังมีมาร์เก็ตเพลสซึ่งให้บรรดาร้านค้ากว่า 270,000 รายมาขายสินค้าแล้วเก็บค่าคอมมิชชั่น

ดูแล้ว JD.com คือ Amazon of China

หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญคือการทำ Omni-channel โดยจะไม่เน้นลงทุนร้านค้าแบบออฟไลน์ด้วยตัวเอง แต่จะเน้นเป็นคู่ค้ากับร้านค้าแบบดั้งเดิมอย่าง Walmart โดยได้มีการเปิดร้านค้า Walmart China Flagship Store และ Sam’s Club บน JD.com อีกด้วย

อย่างไรก็ตามบริษัทยังมองโอกาสในธุรกิจค้าปลีกแบบออฟไลน์ด้วยการเปิดร้าน 7Fresh ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตอัจฉริยะ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและประสบการณ์การช๊อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ

ลูกค้าสามารถรู้ที่มาที่ไปของสินค้าได้จากเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือการจ่ายเงินด้วยการใช้เอไอช่วยสแกนใบหน้าเป็นต้น

ปัจจุบันมีอยู่ 20 สาขา บริษัทตั้งเป้าที่จะเปิดให้ครบ 1,000 สาขาภายในอีก 5 ปีข้างหน้า

จากข้อมูล Jitta รายได้ในช่วง 3 ปีล่าสุดดังนี้

  • ในปี 2017 มีรายได้ 362,331 ล้านหยวน ขาดทุน 152 ล้านหยวน
  • ในปี 2018 มีรายได้ 462,019 ล้านหยวน ขาดทุน 2,491 ล้านหยวน
  • ในปี 2019 มีรายได้ 578,888 ล้านหยวน กำไร 12,184 ล้านหยวน

ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2020 มีรายได้ 201,054 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 34% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 150,280 ล้านหยวน กำไรเพิ่มขึ้นจาก 618 ล้านหยวนเป็น 16,446 ล้านหยวนเนื่องจากมีกำไรพิเศษ 12,000 ล้านหยวน

บริษัทมีกระแสเงินสดอิสระ (Free cash flow) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยพลิกเป็นบวก 19,500 ล้านหยวนในปี 2019 และเพิ่มเป็น 22,700 ล้านหยวนในไตรมาสที่สองของปี 2020

JD.com ยังได้ขยายไปในตลาด telemedicine ที่มีอัตราการเติบโตสูงด้วย JD Health ที่รวบรวมหมอชื่อดังมาไว้บนแพลตฟอร์มเดียวเพื่อรักษาโรคผ่านทางออนไลน์ พร้อมทั้งมีร้านขายยาเพื่อช่วยส่งยาให้ถึงบ้านอีกด้วย

นอกจากนี้ยังจัดตั้งหน่วยงานให้บริการการเงิน เพื่อเชื่อมต่อระบบการจ่ายเงินเข้ากับแพลตฟอร์มของบริษัทและต่อยอดไปถึงการปล่อยกู้เพราะมีการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าไว้อยู่แล้ว

จากการเติบโตของรายได้ในช่วง 5 ปีย้อนหลังทำได้ 38% แบบทบต้น โดยส่วนตัวคิดว่าบริษัทน่าจะเติบโตรายได้ปีละ 20-30% ไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย ด้วยกระแสการซื้อของออนไลน์ที่กำลังมาแรงทั้งในจีนและเอเชีย

รวมทั้งความสามารถในการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจการแพทย์และการเงินน่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับทางบริษัท

ในส่วนของความถูกแพงของหุ้นปัจจุบันมีค่าพีอีอยู่ที่ 47 เท่าถ้าเทียบกับหุ้นอาลีบาบาที่มีพีอียู่ที่ 33 เท่าแล้ว หุ้น JD.com ก็ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงในช่วงนี้

ผมมองว่าในระยะสั้นโมเดลของ JD.com จะต้องลงทุนในคลังสินค้ากับระบบการบริหารจัดการ Supply Chain ด้วยเงินจำนวนมาก แต่ในระยะยาวแล้วบริษัทจะสามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้มาก เพราะบริษัทบริหารจัดการสินค้าด้วยตัวเองทั้งหมดเลย ทั้งคุณภาพและระยะเวลาในการขนส่งจะดีมาก

นึกภาพถ้าเราสั่งสินค้าไปแล้วแค่ไม่กี่ชั่วโมงทาง JD.com สามารถส่งของถึงหน้าบ้านเราได้ทันทีแม้ว่าเราจะอยู่ในพื้นที่นอกเขตเมืองก็ตามครับ

น่าลงทุน แล้วจะไปลงทุนยังไงได้บ้าง?

ตอนนี้ Jitta Wealth ที่ทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ มานำเสนอครับ ก็คือการไปซื้อกองทุนธีม #หุ้นจีน iShares MSCI China #ETF เลย ได้ลงทุนในหุ้นจีน 700 กว่าหุ้น ซึ่งแน่นอนว่า รวมถึง Alibaba Tencent และ Meituan Dianping ด้วย หลังจากนั้น Jitta Wealth ก็จะดูแลปรับพอร์ตให้แบบอัตโนมัติ

นอกจากนี้ยังมีธีมอื่นๆ ให้เลือกกระจายความเสี่ยงด้วย แต่ละธีมก็กำลังฮอตทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น #หุ้นอเมริกา #หุ้นอินเดีย #หุ้นเทค #หุ้นคลาวด์ #หุ้นอีคอมเมิร์ซ #หุ้นสุขภาพ #หุ้นฟินเทค #หุ้นหุ่นยนต์ และ #หุ้นเกมและอีสปอร์ต

เลือกได้ถึง 5 ธีมในพอร์ตเดียว ไม่ต้องไปซื้อกองทุนหลายๆ กองมาบริหารจัดการให้ยุ่งยาก (และเสียค่าธรรมเนียมหลายๆ ครั้ง) ครับ


#สนใจข้อมูลเพิ่มเติม เปิดดูเว็บไซต์ของกองทุนส่วนบุคคล Thematic (ธีมแมติก) ได้เลยที่ https://bit.ly/2T5Npxa
หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อเปิดบัญชีที่ https://link.jittawealth.co/3tHEgCf1Kab


—–
* ข้อมูลจาก The Motley Fool

อ่าน Blog ที่เกี่ยวข้อง

ตระเวนหาโอกาสลงทุนกับหุ้นจีน (ตอนที่ 2)

ตระเวนหาโอกาสลงทุนกับหุ้นจีน (ตอนที่ 1)