by Piyachart Maikaew
วันที่ 25 พ.ย. 2563 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 12 ม.ค. 2566
ฉวยจังหวะ ‘บาทแข็ง’ ลงทุนต่างประเทศ

แค่ 24 วัน ‘บาทแข็ง’ ไปเกือบ 3% นับเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 10 เดือน

เพราะเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าไทยมากขึ้น ทำให้ ‘อัตราแลกเปลี่ยน’ ระหว่างบาทไทยกับดอลลาร์สหรัฐมีทิศทางแข็งค่าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ซึ่งทิศทาง ‘อัตราแลกเปลี่ยน’ จะสัมพันธ์กับสถานการณ์เศรษฐกิจและกระแสเงินทุนที่หมุนเวียนอยู่ทั่วโลก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย บอกว่า 2 เหตุการณ์สำคัญที่มีผลกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก คือ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ‘โจ ไบเดน’ ได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 และความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนป้องกัน Covid-19  มีถึง 3 กลุ่มบริษัทยาที่ประสบความสำเร็จ

ปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้มีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย รวมกันเป็นจำนวน 69,700 ล้านบาท ในช่วงวันที่ 1-19 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน 

สะท้อนภาพความเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกของนักลงทุน ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก รวมถึงไทย

ขณะที่ ‘ค่าเงินบาท’ ในช่วงเวลาเดียวกัน แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 10 เดือนที่ 30.14 ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 30.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ1 

เห็นทิศทางค่าเงินบาทแข็งแบบนี้แล้ว คุณจะใช้จังหวะนี้ลงทุนต่างประเทศได้อย่างไร

ปัจจุบัน Jitta Wealth มีบริการกองทุนส่วนบุคคลที่ลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ผ่าน 3 บริการ คือ

Global ETF จัดพอร์ตลงทุนในกองทุน ETF ทั่วโลก ผ่านตราสารหนี้และหุ้นชั้นดี สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ในความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด ตามทฤษฎี Modern Portfolio Theory ที่ได้รับรางวัลโนเบล เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนเพียง 100,000 บาท

Thematic จัดพอร์ตลงทุนในกองทุน ETF กลุ่มธุรกิจ Mega Trend ระดับโลก อย่างธุรกิจสุขภาพ เทคโนโลยี ระบบคลาวด์ ฟินเทค หรืออีคอมเมิร์ซ รวมทั้งตลาดหุ้นอนาคตไกล อย่างสหรัฐฯ จีน และอินเดีย ให้คุณเลือกจัดพอร์ตลงทุนได้สูงสุด 5 กลุ่ม หรือธีม ในสัดส่วนเท่าๆ กัน เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนเพียง 100,000 บาท

Jitta Ranking จัดพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง NYSE และ Nasdaq รวมทั้งเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีที่มีอนาคต ผ่านการวิเคราะห์หุ้นแต่ละตัวผ่าน AI ตามหลักการ “ลงทุนในธุรกิจที่ดีในราคาที่เหมาะสม” ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ สร้างผลตอบแทนที่ชนะดัชนี Nasdaq และ S&P 500 เริ่มต้นด้วยเงินลงทุน 1 ล้านบาท

หากคุณฉวยจังหวะลงทุนต่างประเทศในช่วง ‘บาทแข็ง’ เงินลงทุนของคุณจะได้มูลค่าในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น และจะสามารถเข้าซื้อกองทุน ETF หรือหุ้นสหรัฐฯ ได้จำนวนมากขึ้น

ถ้าคุณอยากเพิ่มทุนให้พอร์ตลงทุนในช่วงเงินบาทแข็งค่า ก็จะช่วยเฉลี่ยต้นทุนรวมให้ถูกลงด้วยเช่นกัน

ในอนาคต ถ้าค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า พอร์ตลงทุนในสกุลเงินบาทไทยของคุณ จะมีกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของ ‘อัตราแลกเปลี่ยน’ เพราะคุณเข้าลงทุนในช่วงเงินบาทไทยมีราคาถูกนั่นเอง

ลองดูข้อมูลการลงทุนต่างประเทศผ่าน Jitta Wealth ไม่ว่าจะเป็น Global ETF หรือ Thematic รวมทั้งหุ้นรายตัวอย่าง Jitta Ranking และหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ https://jittawealth.com

ทำความเข้าใจ ‘ค่าเงินบาท’

ก่อนหน้านี้ประเด็นเรื่อง ‘บาทแข็ง’ ถูกพูดถึงข้ามปี เพราะกระแสเงินทุนไหลจากต่างประเทศ เข้ามาลงทุนในตลาดเงินไทย 

ยิ่งในช่วง 1-20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเงินทุนไหลเข้าเฉพาะตลาดตราสารหนี้ไทยสูงถึง 39,654 ล้านบาท ทำให้ยอดถือครองตราสารหนี้ไทยอยู่ที่ 882,094 ล้านบาท2

ก่อนการแพร่ระบาดของ Covid-19 ค่าเงินบาทแข็งค่าหลุดกรอบ 30 บาท ลงมาถึง 29.77 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 1 ม.ค. 

จนเมื่อ Covid-19 ระบาดทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจโลกเปราะบาง เงินทุนจึงไหลออกจากไทย ผ่านขายพันธบัตรและหุ้น ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงอยู่ที่ 33.11 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังจากสถานการณ์ดีขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนก็มีทิศทางแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน

แน่นอนว่า ‘บาทแข็ง’ ในช่วงเวลานี้ เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายกังวล เพราะเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่เครื่องยนต์สำคัญ อย่างการส่งออก ที่มีสัดส่วนสูงถึง 70% ของจีดีพีประเทศ ‘บาทแข็ง’ ทำให้มูลค่าส่งออกลดลงเป็นอย่างมาก

ขณะที่กระแสเงินทุนไหลออกของไทย มีเม็ดเงินไหลไปลงทุนต่างประเทศโดยตรงและลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศน้อยมาก 

อธิบายง่ายๆ คือ เรามีเงินดอลลาร์สหรัฐเข้ามาลงทุนในประเทศมหาศาล แต่เราเอาเงินบาทไทยไปลงทุนต่างประเทศน้อย ทำให้ไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดไม่สมดุลกัน เพราะเราไม่ได้หมุนเวียนกระแสเงินทุนเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เอาเงินออกไปลงทุนต่างประเทศด้วย อย่างเกาหลีใต้หรือไต้หวัน3

เรียกได้ว่า เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างให้กับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไทยมาโดยตลอด ทันทีที่เงินบาทแข็งค่า

ล่าสุด (20 พฤศจิกายน) ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ที่เป็นหน่วยงานดูแลระบบตลาดการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ต้องออกมาตรการผ่อนคลายกฎเกณฑ์การลงทุนต่างประเทศ เพื่อลดความผันผวนของค่าเงินบาท

สำหรับมาตรการที่จะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนรายย่อยอย่างเราๆ คือ4

  1. นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีเงินฝากสกุลต่างประเทศ หรือบัญชี FCD (Foreign Currency Deposit)  ได้เสรี รวมทั้งสามารถทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างบัญชี FCD ได้สะดวกมากขึ้น ก่อนหน้านี้แบงก์ชาติมีการจำกัดการทำธุรกรรมและวงเงินของบัญชี FCD
  2. สนับสนุนให้นักลงทุนไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้โดยตรง โดยเพิ่มวงเงินลงทุนเป็น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จากเดิม 200,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี และไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ลงทุนผ่านตัวกลางในประเทศ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน

มาตรการ 2 ข้อนี้ มีผลปลายเดือนพฤศจิกายน หมายความว่า นักลงทุนไทยจะมีอิสระในการฝากเงินสกุลต่างประเทศ สามารถใช้จังหวะค่าเงินบาทแข็ง เก็บเงินดอลลาร์สหรัฐฝากไว้ในธนาคารได้โดยไม่มีข้อจำกัด

ส่วนวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงที่เพิ่มเพดานให้สูงขึ้นหลายเท่าตัว ก็เป็นการเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนไทยมีพอร์ตลงทุนที่ใหญ่มากขึ้น ลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศหลากหลายมากขึ้นด้วย 

การลงทุนผ่านบริการของ Jitta Wealth จัดว่าเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงเช่นเดียวกัน

เห็นจังหวะในช่วง ‘บาทแข็ง’ และการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศของแบงก์ชาติแล้ว เราไม่อยากให้คุณพลาดโอกาสนี้เลย

นอกจากนี้แบงก์ชาติเตรียมจะผลักดันให้เกิดระบบนิเวศของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ (FX ecosystem) ด้วย เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ‘อัตราแลกเปลี่ยน’ ไทย เพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถทำธุรกรรมบัญชี FDC และออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้สะดวกมากขึ้นอีก ส่วนบริษัทไทยสามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศได้ง่ายขึ้น

แบงก์ชาติหวังว่า ทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้าและออกจะสมดุลกัน ผ่านแผน FX ecosystem และ ‘ค่าเงินบาทไทย’ จะไม่ผันผวนในระยะยาว 

พอร์ตลงทุนของคุณในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงนี้ อาจจะได้ประโยชน์จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นโดยตรง เมื่อแบงก์ชาติสามารถผลักดันแผน FX ecosystem ได้ในอนาคต และค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น

อ้างอิง

  1. เสริมมาตรการดูแลเงินบาท รับมือกระแสเงินทุนเข้าไทย https://kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/BOT-BAHT-FB-23-11-20.aspx
  2. เงินนอกทะลัก เดือนเดียวกว่า 7 หมื่นล้าน ‘บาทแข็ง’ ในรอบ 10 เดือน หุ้นพุ่งเฉียด 200 จุด https://www.thebangkokinsight.com/484233/
  3. แก้ปัญหาเกินดุลบัญชีเดินสะพัดด้วยการลงทุนต่างประเทศ https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_18Feb2020.aspx
  4. ธปท. เร่งผลักดันมาตรการเพื่อให้เกิดระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไทย https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Press/2020/Pages/n8163.aspx

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

เมื่อ E-commerce เติบใหญ่ โอกาสลงทุนอยู่ไหนบ้าง?

สรุป Live: หุ้นสหรัฐ vs หุ้นจีน ลงทุนใครดี?

ตระเวนหาโอกาสลงทุนกับหุ้นจีน (ตอนจบ)