by Jitta
วันที่ 12 พ.ย. 2563 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 12 ม.ค. 2566
ตระเวนหาโอกาสลงทุนกับหุ้นจีน (ตอนจบ)

ถ้าพูดถึงความยิ่งใหญ่ด้านจำนวนประชากรแล้ว จีนเป็นที่ 1 ไม่แพ้ใคร ด้วยจำนวนถึง 1.4 พันล้านคน

และประมาณ 18% ของทั้งหมด คือเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี หรือคิดเป็น 250 ล้านคน

ผู้ปกครองจีนที่ฐานะดีขึ้นเรื่อยๆ ต่างก็อยากให้ลูกของตนโดดเด่น สามารถแข่งขันกับเด็กคนอื่นๆ สอบเข้าโรงเรียนดีๆ มหาวิทยาลัยดีๆ และได้งานดีๆ เป็นใหญ่เป็นโตในอนาคต

แต่จะหวังพึ่งพรสวรรค์ของลูกอย่างเดียวคงไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ชาวจีน ก็ต้องขวนขวายหาที่ให้ลูกเรียนพิเศษนอกเหนือจากในห้องเรียน…

ทำให้สถาบันสอนพิเศษกลายเป็นธุรกิจที่ทำรายได้มหาศาล ขยายสาขามากมาย จนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้

และหุ้นที่จะมารีวิวให้อ่านกันในวันนี้ ก็เป็นหนึ่งในสถาบันติวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ที่สอนเด็กตั้งแต่อนุบาล จนถึงม. 6

เป็นหุ้นหนึ่ง ที่คุณจะได้เป็นเจ้าของ หากเลือกลงทุนธีม ‘หุ้นจีน’ กับ Jitta Wealth Thematic

คุณสามารถดูรายละเอียดของธีม ‘หุ้นจีน’ ได้ที่นี่ครับ https://bit.ly/2IuYxSo

และสามารถเปิดบัญชีโดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่นี่ https://link.jittawealth.co/xljlpAzRlbb ครับ

เกริ่นมาพอสมควร มาทำความรู้จักกับหุ้นโรงเรียนสอนพิเศษแถวหน้าของจีนกันครับ

TAL Educations Group (TAL) ติวเตอร์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในจีน

TAL ก่อตั้งในปี 2003 โดยนาย Zhang Bangxin

ปัจจุบันเป็นสถาบันติวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน บริการติวหนังสือตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมหก

หลักสูตรหลากหลายครอบคลุมทั้งวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน

นอกจากนี้ยังให้บริการให้คำปรึกษาสำหรับนักเรียนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศอีกด้วย

บริษัทมีบริการภายใต้แบรนด์สินค้าที่แตกต่างกันดังนี้

Xueersi, Mobby และ Firstleap บริการติวเตอร์เป็นกลุ่มเล็กๆ ตามรายวิชา

Izhikang บริการติวเตอร์ส่วนตัวเพื่อเน้นวิชาใดวิชาหนึ่งและเนื้อหาที่ตรงกับผู้เรียนอย่างเข้มข้น

Shunshun Liuxue บริการแนะนำการศึกษาต่อต่างประเทศ

ปัจจุบันเน้นให้บริการทั้งออนไลน์และออฟไลน์

นอกจากเว็บไซต์จำนวนมากแล้ว ปัจจุบันยังมีศูนย์เรียนอยู่ทั้งหมด 871 แห่งและศูนย์บริการ 767 แห่งใน 69 เมืองในประเทศจีน

ในธุรกิจนี้มีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่บริษัทก็เน้นจุดแข็งห้าข้อแข็งดังนี้

  1. สร้างประสบการณ์ที่ดีของนักเรียน 2)ราคาที่เหมาะสม 3)คุณภาพของบริการ 4)ออกแพกเกจที่ตอบโจทย์นักเรียนมากที่สุด 5)แบรนด์สินค้า

ปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนที่ลงทะเบียนแบบระยะยาวเพิ่มขึ้นถึง 65% เป็น 5.6 ล้านคนในไตรมาสล่าสุด

รายได้ของบริษัทในช่วงสามปีล่าสุด จากข้อมูลใน Jitta ได้ดังนี้

  • ในปี 2017 (จบเดือนกุมภาพันธ์ 2018) มีรายได้ $1,715 ล้าน กำไร $198 ล้าน
  • ในปี 2018 มีรายได้ $2,562 ล้าน กำไร $367 ล้าน
  • ในปี 2019 มีรายได้ $3,273 ล้าน ขาดทุน $110 ล้าน

โดยไตรมาสล่าสุดที่จบเดือนสิงหาคม ปี 2020 รายได้เติบโต 20.8% YoY ทำได้ $1,103 ล้าน

กำไร $15 ล้าน เทียบกับยอดขาดทุน $23.5 ล้านในปีที่แล้ว

ในส่วนของโอกาสการเติบโต คนชั้นกลางในประเทศจีนมีการใช้เงินโดยเฉลี่ยสูงถึง $17,000 ต่อปีเพื่อให้ลูกหลานได้เรียนเพิ่มเติมในโรงเรียนกวดวิชา

จากบทวิเคราะห์ของ Oliver Wyman ได้ระบุด้วยว่าตลาดติวเตอร์จะมีมูลค่าสูงขึ้นจากปัจจุบันที่ $115,000 ล้านเป็น $145,000 ล้านในปี 2025

ผมมองว่าตลาดยังน่าจะเติบโตได้อีกเยอะจากการที่คนจีนอยากให้ลูกหลานเรียนเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

การที่จีนมีคนชั้นกลางมากขึ้น ยิ่งเป็นตัวผลักดันให้ตลาดนี้เติบโตไปได้อีก

อย่างไรก็ตามผมค่อนข้างกังวลกับการแข่งขัน ดูได้จากการที่บริษัทต้องออกโปรโมชั่นที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและกำไรลดลง นอกจากนี้สินทรัพย์ที่สำคัญคือคนสอน ทำอย่างไรที่จะทำให้คนเหล่านี้ไม่ย้ายไปไหน

ในแง่ของความถูกแพง เนื่องจากผลประกอบการณ์ย้อนหลังหนึ่งปียังติดลบอยู่ ผมเลยต้องใช้วิธีหามูลค่าแบบ Price per Sales ซึ่งได้ออกมาที่ 9.6 เท่า ในขณะที่คู่แข่งอย่าง New Oriental Education & Technology Group อยู่ที่ 8.4 เท่า และ GSX TECHEDU INC อยู่ที่ 24 เท่า

แม้ว่าราคาจะยังไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่ในแง่ของการแข่งขัน คงต้องมองให้ขาดว่าจะมีรายไหนสามารถแซงหน้า TAL ไปได้หรือไม่ครับ

อ่าน Blog ที่เกี่ยวข้อง

ตระเวนหาโอกาสลงทุนกับหุ้นจีน (ตอนที่ 5)

ตระเวนหาโอกาสลงทุนกับหุ้นจีน (ตอนที่ 4)

ตระเวนหาโอกาสลงทุนกับหุ้นจีน ตอนที่ 3

ตระเวนหาโอกาสลงทุนกับหุ้นจีน (ตอนที่ 2)

ตระเวนหาโอกาสลงทุนกับหุ้นจีน (ตอนที่ 1)