by Jitta
วันที่ 19 ม.ค. 2564 • อัปเดตล่าสุดเมื่อ: วันที่ 12 ม.ค. 2566
    กัญชาเสรีในไทย ที่แรกในอาเซียน

    พร้อมจับตา Biden พลิกโฉมการเมืองสหรัฐฯ

    ท่ามกลางกลางสถานการณ์ Covid-19 ทั่วโลก ที่ยังไม่คลี่คลาย แถมอัตราการเสียชีวิตหลังจากได้รับวัคซีนป้องกัน ยังเป็นข้อถกเถียงกันว่า วัคซีนที่พัฒนาขึ้นมานี้ ยังปลอดภัยอยู่หรือไม่?

    รอบสัปดาห์นี้ มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ เปิดตัวเมนูกัญชาที่แรกของไทย ทิศทางของสหรัฐฯ เมื่อ Joe Biden เริ่มทำงานในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 46 เปิดตัวหัวหน้าพรรค CDU คนใหม่ที่จะมาแทนนายกรัฐมนตรีหญิงเหล็กแห่งเยอรมนีอย่าง Angela Merkel สถานการณ์ Covid-19 ในอินเดีย และจีน พร้อมจับตาดูความเคลื่อนไหวของ Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba

    เรายังได้รวบรวมบทความน่าสนใจ จากธีมธุรกิจกัญชา และ Cloud Computing เพื่อให้คุณได้เห็นภาพโอกาสเติบโตของธุรกิจนี้ในระยะ 5-10 ปี รวมทั้งมีรีวิวผลตอบแทน Jitta Ranking ของหุ้นไทย ที่เราได้รายงานไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


    ไทย…ผู้นำกัญชาเสรี

    ไทยยังคงรั้งตำแหน่งประเทศแรกในอาเซียน ที่ดำเนินนโยบายกัญชาเสรีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปลดล็อกกัญชา-กัญชงออกจากบัญชียาเสพติดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) บอกว่า กัญชา-กัญชงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่จัดเป็นยาเสพติด มีผลตามกฎหมายตั้งแต่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา

    ยกเว้นแค่ช่อดอกและเมล็ดกัญชา เพราะยังควบคุมเป็นยาเสพติดตามอนุสัญญายาเสพติดระหว่างประเทศ แต่ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้

    นอกจากนี้ยังมีพืชกระท่อม พืชฝิ่น และเห็ดขี้ควายที่ได้รับการปลดล็อกด้วยเช่นเดียวกัน แต่ยังจำกัดอยู่ในอุตสาหกรรมการแพทย์

    ที่เป็นประเด็นน่าสนใจคือ อภัยภูเบศร เดย์ สปา ของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่เชี่ยวชาญด้านด้านแพทย์แผนไทยและภูมิปัญญาพื้นบ้าน ได้คิดค้นเมนูอาหารจากกัญชา ภายใต้แคมเปญพิเศษ ‘มาชิมกัญ’

    มี 4 เมนู ได้แก่ รื่นเริงบันเทิงยำ เล้งแซ่บซดเพลิน ข้าวกะเพราสุขใจ และขนมปังคิกคัก และมีเครื่องดื่ม ‘ซู่ซ่าร่าเริง’ ปั่นจากใบกัญชาสดนำมาผสมกับน้ำชาไทย น้ำมะนาว น้ำผึ้ง น้ำโซดา 

    โดยอภัยภูเบศร เดย์สปา ได้รับอนุญาตในการนำกัญชามาปรุงอาหารแล้ว และเมนูทั้งหมดถูกวัดอัตราส่วนต่างๆ อย่างเหมาะสม ซึ่งจะมีการพัฒนาเป็นหลักสูตรอบรมให้ประชาชนทั่วไปในอนาคต

    แต่ที่แน่ๆ คือ มีคนแห่ไปปราจีนบุรี จองคิวชิมเมนูนี้อย่างล้นหลามแล้ว


    จับตาหุ้นกัญชา หุ้นเด่นมาแรงในสหรัฐฯ ปี 2564

    Good Sharing, Good to Know ได้พูดถึงหุ้นกัญชาของสหรัฐฯ ที่ยังจำกัดเฉพาะรัฐที่อนุญาตให้ปลูกและแปรรูปกัญชาเท่านั้น 

    แต่ถ้ากฎหมายระดับประเทศได้รับการปฏิรูป เอากัญชาออกจากบัญชียาเสพติดในอนาคต ไม่ต้องเดาเลยว่า หุ้นกัญชา และ ETF ที่ลงทุนหุ้นกัญชาจะไปได้ไกลแค่ไหน

    อ่านต่อ


    ลงทุนกัญชา กับ Jitta Wealth Thematic

    ไม่พลาดโอกาสการลงทุนในกัญชา กับธีมใหม่ ธุรกิจกัญชา (Cannabis) ลงทุนในกองทุน ETFMG Alternative Harvest ETF (MJ) 

    พอร์ตลงทุน MJ อยู่ในอุตสาหกรรมการเพาะปลูกและแปรรูปกัญชา โดยอิงกับดัชนี Prime Alternative Harvest Index น้ำหนักการลงทุนยังอยู่ในสหรัฐฯ เป็นหลัก

    ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 11.52% นี่ขนาดยังไม่ปลดล็อกทั้งประเทศนะ

    คุณลงทุนในธีมกัญชา จัดพอร์ตร่วมกับธีมตลาดหุ้นและธีมธุรกิจอื่นๆ ได้ 1-5 ธีม เงินลงทุนเริ่มต้น 100,000 บาท เพิ่มทุนครั้งละ 10,000 บาท

    ดูรายละเอียด


    Biden เตรียมฉีกนโยบายสมัย Trump

    ทั่วโลกกำลังหันสปอตไลต์มาที่ Joe Biden ที่กำลังจะเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี สหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากผู้สนับสนุน Donald Trump ในกรุงวอชิงตัน ดีซี

    ผู้สนับสนุน Trump ยังคงปักหลักอยู่รอบๆ ทำเนียบขาว พร้อมอาวุธ คนในพื้นที่ก็ต่างหวาดกลัวความรุนแรง ทำให้ FBI และตำรวจท้องถิ่น ต้องวางแผนมาตรฐานความปลอดภัยอย่างรัดกุมให้กับผู้นำคนใหม่ เพื่อให้พิธีสาบานตนสำเร็จลุล่วง 

    Biden จะเริ่มทำงานทันทีในช่วง 10 วันแรก พร้อมกับ Kamala Harris รองประธานาธิบดี ร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่ฟอร์มทีมมาจากผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำของโลก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอเมริกัน

    Biden ต้องเผชิญความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแก้พิษ Covid-19 รุมเร้า ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ความขัดแย้งทางเชื้อชาติสีผิว และกระแสต่อต้านจากผู้สนับสนุน Trump รวมทั้งต้องรับมือกับผลกระทบจากจลาจลในรัฐสภาในช่วง 2 สัปดาห์ที่แล้ว

    ที่น่าจับตาคือ Biden เตรียมจะฉีกนโยบายที่ Trump ทำมาตลอด 4 ปีทิ้งทันที ไม่ว่าจะเป็นยกเลิกข้อห้ามคนจากประเทศมุสลิมบางประเทศเข้าสหรัฐฯ เข้าร่วมข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ต่อต้านสภาวะโลกร้อน และอนุญาตให้ครอบครัวชาวเม็กซิโกได้พบปะกันที่ชายแดนประเทศ

    Biden ได้เตรียมแผนฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ร่างวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือคนว่างงานและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เป็นแผนที่เพิ่มเติมมาจาก วงเงิน 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านสภาเดือนมี.ค.และ 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านสภาเดือนธ.ค.


    ยุโรปลุ้นผู้นำ EU คนใหม่

    ฟากฝั่งยุโรป Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมัน กำลังลงตำแหน่งจากหัวหน้าพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) เร็วๆ นี้ ซึ่งเธอนั่งเก้าอี้ตัวนี้มานานถึง 18 ปี 

    เธอเป็นนักการเมืองหญิงที่ทรงพลังในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในฐานะประเทศผู้นำของสหภาพยุโรป 

    ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งมานานถึง 15 ปีนั้น Merkel จะอยู่จนครบเทอมในเดือนก.ย. แต่ความท้าทายต่อไปคือ หัวหน้าพรรคคนใหม่ Armin Laschet ที่เพิ่งได้รับเลือกเข้ามา จะสร้างเอกภาพให้ CDU ได้อย่างไร

    ยิ่งไปกว่านั้น Laschet ต้องสร้างผลงานในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของเยอรมัน ก่อนที่จะถึงเลือกตั้งใหญ่ แม้ว่าทางพรรค CDU ยังไม่ได้ประกาศว่า ใครจะเป็นผู้ลงชิงชัยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคก็ตาม


    เกาะติดสถานการณ์ Covid-19 ทั่วโลก

    อินเดียรั้งอันดับ 2 ของจำนวนผู้ป่วย Covid-19 ทั่วโลกรองจากสหรัฐฯ ได้เริ่มโปรแกรมฉีดวัคซีนใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะฉีดให้กับประชากร 300 ล้านคนภายในเดือนส.ค. นี้

    บุคลากรทางการแพทย์ ตำรวจ และทหารของอินเดีย จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก

    รัฐบาลอินเดียได้อนุมัติเป็นการฉุกเฉินให้กับวัคซีนของ Oxford กับ AstraZeneca และวัคซีนที่พัฒนาเอง คือ Covaxin ของ Bharat Biotech ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 

    แต่ Covaxin ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองกับมนุษย์ และยังไม่มีการรายงานผลการทดลอง แต่หน่วยงานยาของอินเดียยืนยันว่า ปลอดภัย 100%

    อินเดียมีจำนวนผู้ป่วย Covid-19 ถึง 10.5 ล้านคน และเสียชีวิต 151,000 คน 

    ด้านจีน ประเทศต้นกำเนิดของ Covid-19 จำเป็นต้องเปิดบ้านให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ของ World Health Organization (WHO) 10 คน เข้าสืบสวนถึงต้นตอของไวรัสโคโรนาถึงเมืองอู่ฮั่น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

    การสืบสวนครั้งนี้ ใช้เวลาพูดคุยและตกลงกันนานมาก ระหว่าง WHO และรัฐบาลจีน 

    แต่เจ้าหน้าที่จาก WHO ก็เจออุปสรรคในวินาทีสุดท้าย เพราะจีนปฎิเสธการเข้าประเทศของเจ้าหน้าที่ 2 คน เนื่องจากตรวจพบแอนตี้บอดี้ของไวรัสโคโรนา และกำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องกักตัวที่สถานกักกันของรัฐอีก 2 สัปดาห์

    คงต้องติดตามต่อว่า จีนกับ WHO จะสามารถบรรลุข้อต่อรองให้มีการสืบสวนต้นตอของ Covid-19 ได้หรือไม่ เพราะจะเป็นข้อกังขาของชาวโลก หากจีนไม่ยอมให้หน่วยงานกลางเข้ามาตรวจสอบที่มาที่ไปของโรคระบาดใหญ่ครั้งนี้


    Jack Ma หายไปไหน?

    มีคำถามไปทั่วโลก หลังจากบริษัทลูกฟินเทคของ Alibaba อย่าง ANT Group ถูกรัฐบาลจีนเบรกหัวทิ่ม เมื่อเดือนต้นพ.ย. และยังไม่สามารถเข้า IPO (Initial Public Offering) ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงจนถึงตอนนี้นั้น   

    ชื่อ Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ก็หายไปจากแวดวงข่าวสารธุรกิจกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา หลายคนจึงเกิดคำถามว่า เจ้าพ่อ E-commerce หายไปไหน ถูกทางการจีนสอบสวนหรือไม่

    เพราะเหตุผลที่ถูกเบรกหัวทิ่ม ก็หนีไม่พ้นเรื่องการผูกขาดตลาดที่ทางการจีนพยายามจะเข้ามาควบคุมธุรกิจยักษ์ใหญ่ รวมทั้ง ANT Group ก็ไม่ผ่านเงื่อนไขการเปิดเผยข้อมูลกับก.ล.ต. จีน สำหรับแผน IPO มูลค่าสูงที่สุดในโลก 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

    แต่ก็มีรายงานมาว่า เขาไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ไม่ต้องการปรากฏตัวสาธารณะ โดยหลายสื่อเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น CNBC และ Reuters รายงานไปในทิศทางเดียวกัน และบอกว่า เขาอยู่ที่หางโจว สำนักงานใหญ่ของ Alibaba

    คาดกันว่า Jack Ma อาจจะถูกสั่งให้ลดบทบาทในการผูกขาดธุรกิจในจีน ไม่ว่าจะเป็น E-commerce อย่าง Alibaba และ Fintech อย่าง ANT Group เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบของทางการจีน

    หลังจากนี้คงต้องจับตาดูกันว่า เขาจะกลับมาปรากฎตัวต่อหน้าสื่อเมื่อไร


    ทุกเรื่อง ‘ต้องรู้’ ก่อนลงทุนธุรกิจ Cloud Computing

    ปี 2563 ธุรกิจ Cloud Computing โตอย่างก้าวกระโดด เห็นได้ชัดจากกองทุน ETF ที่ลงทุนในธุรกิจนี้ โตหลัก 100% เลยทีเดียว มาดูกันว่าแท้จริงแล้วระบบคลาวด์คืออะไร และมีอิทธิพลกับพวกเรามากแค่ไหน

    อ่านต่อ


    ลงทุนธุรกิจที่ดี ในราคาที่เหมาะสม

    หลังจากที่ Jitta ได้เปิดเผยผลตอบแทนของ Jitta Ranking ปี 2563 เพจ Stock Vitamins ได้รีวิว Jitta Ranking Top 30 ของหุ้นไทยไว้ด้วย 

    โดยผลตอบแทนของ ดัชนี SET50 ติดลบ 14.8% ในปี 2563 แต่ผลตอบแทนของ Jitta Ranking Top 30 เป็นบวก 5.5% ท่ามกลางวิกฤต Covid-19 ที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นอย่างมาก

    อ่านต่อ


    ตลาดการเงินการลงทุนทั่วโลกช่วงนี้ ทั่วโลกยังรอและจับตาว่า Biden จะขับเคลื่อนนโยบายอะไรบ้าง 

    เพราะทุกความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ หลังจากนี้มีผลต่อการลงทุนทั่วโลกเลย  ไม่ใช่แค่ตลาดหุ้นเท่านั้น ยังมีตลาดตราสารหนี้ ทองคำ และน้ำมัน

    นอกจากนี้เรายังต้องติดตามสถานการณ์ Covid-19 อย่างใกล้ชิด เพราะจำนวนผู้ป่วยทั่วโลกไม่ได้ลดลง ขณะที่ในไทย แม้จำนวนผู้ป่วยใหม่ไม่พุ่งกระฉูดเหมือนช่วงปีใหม่ แต่ยังวางใจไม่ได้

    หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นโดยเร็ว แล้วพบกันสัปดาห์หน้า

    อ่าน Jitta Wealth Journal สัปดาห์ที่แล้ว

    Big Tech ที่ใหญ่กว่าประธานาธิบดี

    Covid-19 ระลอกใหม่อาจดันกองทุนขึ้นแรงต่อ