Jitta Ranking คือ Algorithm ในการจัดเรียงอันดับหุ้นที่น่าลงทุนครับ ซึ่งสามารถเรียงหุ้นกี่ตัวก็ได้ ในกรณีของหน้า Browse ก็จะเป็นการเรียงหุ้นทั้งตลาดหลักทรัพย์ของในแต่ละประเทศ ส่วนในกรณีหน้า Following ก็จะเรียงเฉพาะหุ้นที่เรา Follow ไว้ และในหน้า Screener ก็จะเรียงเฉพาะหุ้นที่ตรงตามเกณฑ์ที่เราเลือกไว้เท่านั้น

ส่วนตัว "Wonderful Company at a fair price" ที่เป็น Basic Screen ในหน้า Screener นั้น เลือกมาจากหุ้นตามเกณฑ์ดังนี้

1. Jitta Score 7-10 ในปัจจุบัน
2. Historical Jitta Score > 5 ทุกปี ในช่วง 5 ปีล่าสุด
3. ราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่าหรือเท่ากับ Jitta Line
4. Competitive Advantage 70-100

(ทั้งนี้ถ้าหากต้องการดูว่าตัว Basic Screen เลือกโดยใช้เกณฑ์อะไรบ้าง สามารถดูได้ โดยกดที่ Basic Screen อันที่ต้องการดู จากนั้นก็เข้าไปที่ Advanced Screen ก็จะเห็นเกณฑ์ในการเลือกหุ้นของ Basic Screen นั้นๆครับ)

ดังนั้นตัว Screener "Wonderful Company at a fair price" นั้น จริงๆแล้วเป็นการคัดเลือกบริษัทที่ดี ที่ต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมทั้งหมด (ตามเกณฑ์ด้านบน) ออกมาจากหุ้นทั้งหมดในตลาด จากนั้นจึงค่อยมาอันดับความน่าลงทุนของหุ้นที่เลือกออกมานี้ด้วยการเรียงตาม Jitta Ranking อีกทีครับ

จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับประสบการณ์ลงทุนครับ ถ้าหากมีประสบการณ์การลงทุนระดับนึงและเข้าใจพื้นฐานการทำธุรกิจของธนาคารและอสังหาก็พอจะลงทุนได้อยู่ครับ เพราะธนาคารที่ดีที่น่าจะสร้างผลตอบแทนระยะยาวก็มีอยู่ครับ ส่วนอสังหา ถ้าหากเราเข้าใจ cycle ของธุรกิจแล้ว ก็สามารถลงทุนได้ผลตอบแทนในระดับที่ดีครับ แต่ถ้าหากไม่เข้าใจ ก็ควรจะหลีกเลี่ยง หรือ ลงทุนเป็นสัดส่วนที่ไม่มากของทรัพย์สินทั้งหมดครับ แล้วไปลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อยแทน เช่น กลุ่มค้าปลีก ร้านอาหาร เป็นต้น

ทั้งนี้สำหรับคนที่มีประสบการณ์การลงทุนไม่มากนัก Jitta จึงได้แนะนำไว้ใน Jitta Strategy ว่า ให้ลงทุนเฉลี่ยอย่างน้อย 5 บริษัท และไม่ควรลงทุนในอุตสาหกรรมเดียวกันเกิน 2 บริษัทครับ ในระยะยาวน่าจะทำผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนีครับ

รวมทั้งถ้าหากต้องการลงทุนแบบไม่ค่อยเสี่ยง ก็ควรจะลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพดีอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น กรณีธุรกิจธนาคารหรืออสังหาที่ถามมานั้น ถ้าเราเห็นว่าตัวไหนที่ Jitta Score ไม่สม่ำเสมอ (มีบางปีต่ำกว่า 5) และ มี Loss Chance สูง แม้จะอยู่ใน Jitta Ranking อันดับแรกๆ เราก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนก็ได้ครับ เลือกลงทุนในบริษัทที่เรารู้สึกว่ามีความเสี่ยงน้อยที่สุดดีกว่าครับ เพราะสุดท้ายแล้ว โอกาสที่เราจะขาดทุนถาวรจากการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพมากๆนั้น มีน้อยมากครับ

ค่า Historical Jitta Score ใน Jitta Screener จะนำข้อมูล Jitta Score ของ 5 ปีย้อนหลังมาใช้ ซึ่งไม่ได้คิดเป็นค่าเฉลี่ย แต่คิดตามว่า Jitta Score ของทุกปีจะต้องอยู่ใน range ที่เลือกครับ เช่น ถ้าเลือก Historical Jitta Score 7-10 แสดงว่า ใน 5 ปีล่าสุด Jitta Score ของทุกปีจะต้องมีค่าตั้งแต่ 7 ขึ้นไปครับ

เข้าไปที่เมนู Settings (คลิกตรงรูป Profile ทางด้านขวาบน) แล้วเข้าไปที่ Emails จะมีให้เพิ่มอีเมล์ใหม่ๆเข้าไปในระบบได้ครับ จากนั้นให้ตั้งค่าอีเมล์ที่ต้องการจะรับข่าวสารจาก Jitta เป็น Primary Email ครับ

Jitta Ranking คือ การจัดอันดับหุ้นที่น่าลงทุนด้วยหลักการ "หุ้นที่ดี (Jitta Score) ในราคาที่เหมาะสม เอาราคาเทียบกับ Jitta Line (มูลค่าทีแท้จริง)"

Jitta Score และ Jitta Line อัปเดตทุกครั้งที่ งบการเงินออกครับ ก็คือไตรมาสละครั้ง ส่วนราคาเปลี่ยนทุกสิ้นวัน ดังนั้น Jitta Ranking จะเปลี่ยนตามราคาที่เปลี่ยนทุกวันครับ แต่ตัว Jitta Score และ Jitta Line นั้นไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าจะงบออกครับ

ถ้า Loss Chance เป็น N/A แสดงว่า ไม่มีข้อมูลมากพอที่จะใช้ทำการวิเคราะห์ครับ

บน Jitta จะมีฟังค์ชั่น Jitta Screener (อยู่ตรงเมนูด้านขวาบน) เพื่อให้สามารถกรองหุ้นตามค่าต่างๆใน Jitta เช่น Jitta Score, Jitta Line, Jitta Factors และ Jitta Signs ได้ครับ

สามารถเข้าไปที่หน้า browse แล้วเลือก sort by : jitta ranking ก็จะได้รายชื่อหุ้นที่น่าลงทุนที่สุด ณ ปัจจุบัน ตามหลักการของ Jitta ครับ

ยังไม่เคยทำพิสูจน์ตามกรณีที่ถามมาครับ เพราะคิดว่า

1. ตามหลักการลงทุนที่ดีแล้ว เราไม่ควรจะต้องมาวุ่นวายกับการปรับพอร์ตอยู่บ่อยๆครับ รวมทั้งในระยะสั้นๆ ราคาหุ้นสามารถวิ่งขึ้นลงได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับผลประกอบการได้ง่ายครับ ดังนั้นถึงทำแล้วจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ก็ไม่ควรนำมาใช้ในทางปฏิบัติอยู่ดีครับ
2. เหตุผลที่ทำตัวพิสูจน์ผลตอบแทนของ Jitta Ranking ขึ้นมา ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า Jitta Score และ Jitta Line นั้น สามารถนำไปใช้อ้างอิงในการลงทุนได้จริงครับ ดังนั้นขอเพียงแค่ลงทุนให้ชนะดัชนี โดยปรับพอร์ตน้อยที่สุด (ในที่นี้คือปีละ 1 ครั้ง) ก็โอเคแล้วครับ

ส่วนการพิสูจน์ที่ทำเพิ่มเติม ก็คือ การซื้อ Jitta Top 5, 10, 20 ณ สิ้นเดือนไหนก็ได้ (ไม่จำเป็นต้องซื้อตอนสิ้นปี) แล้วถือไป 12 เดือน แล้วค่อยทำการปรับพอร์ตครั้งนึง ก็พบว่า ในระยะยาวแล้วจะให้ผลตอบแทนที่ชนะดัชนีในช่วงเวลาเดียวกันเช่นเดียวกันครับ