Part 1
ตลาดหุ้น
มาเข้าใจพื้นฐานของหุ้น แนวคิดที่ถูกต้องของตลาดหุ้น และข้อผิดพลาดของนักลงุทนส่วนใหญ่
  • ตลาดหุ้นคืออะไร
  • ราคาหุ้นกับผลประกอบการ
  • ข้อผิดพลาดของนักลงทุน
45:04
แนวคิดเปรียบเทียบกับการซื้อรถมือสอง ตัวอย่างการประเมิณมูลค่าธุรกิจ
1:23:12
Mission ของ Jitta.com ที่จะมาช่วยให้นักลงทุนทั่วโลกลงทุนได้ง่า­ยขึ้นและดียิ่งขึ้น
47:36
เข้าใจที่มาของหัวใจ Jitta Ranking และ เรียนรู้การใข้งาน Jitta ขั้นสูง เครื่องมือที่จะช่วยคุณกรองหุ้น เลือกหุ้นที่ดีเข้าสู่พอร์ตการลงทุน
21:30
ข้อเปรียบเทียบถือยาว หรือซื้อๆขายๆ แบบไหนดีกว่ากัน พร้อมอธิบายเรื่องผลตอบแทนทบต้น
QUESTION & ANSWERS
ถ้าไม่ลงทุนแนว Warren จะเป็นการลงทุนที่ผิดหรือไม่

จริงๆแล้ว วิธีไหนก็ตามที่ทำให้เราได้กำไรก็ถูกต้องหมดครับ
เพียงแต่วิธีการลงทุนของ Warren Buffett นั้น ก็ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าใช้ได้ผลจริงๆ และที่สำคัญก็คือ

  1. เป็นวิธีการลงทุนที่คนทั่วไปก็สามารถทำตามได้ เพื่อสร้างความมั่งคั่งระดับสูงในระยะยาว
  2. ไม่ต้องเครียดไปกับราคาหุ้นที่ขึ้นลงทุกวัน ไม่เน้นความเสี่ยง ทำให้ไม่ต้องวิตกกังวลกับการลงทุนจนเสียสุขภาพ
  3. เป็นวิธีการลงทุนที่ทำให้ไม่ต้องวุ่นวายกับการซื้อๆขายๆหุ้นทุกวัน ทำให้เราไม่ต้องนั่งเฝ้าจอหุ้นทุกวัน และนำเวลาไปใช้ทำอย่างอื่นที่เรารักได้
หุ้นที่เพิ่งเข้า IPO จะยังมีข้อมูลทางการเงินย้อนหลังไม่มาก ทำให้วิเคราะห์ธุรกิจได้ยาก ทาง Jitta มีแนวทางในการวิเคราะห์หุ้น IPO เหล่านี้อย่างไร และมีการเตือนนักลงทุนอย่างไร

หุ้น IPO จะมีข้อมูลทางการเงินบน Jitta ย้อนหลังก่อนเข้าตลาดไปประมาณ 2 ปี ทำให้ไม่สามารถทำการวิเคราะห์ Jitta Score ได้แม่นยำตามปรกติ (ที่ใช้งบย้อนหลังประมาณ 5-10 ปี)

ดังนั้นสำหรับหุ้น IPO นั้น เวลาคำนวณค่า Jitta Score ออกมา ทาง Jitta จึงจะมีการนำค่า Negative Factor มาใช้ร่วมด้วย เพื่อลดทอนค่า Jitta Score ลงไปอีก ด้วยเหตุผลด้านความเสี่ยงในการมีข้อมูลน้อยเกินไป รวมทั้งจะขึ้นแสดงใน Jitta Signs เป็น Warning Signs ให้รับรู้ด้วยว่า หุ้นนี้เพิ่ง IPO มาได้ไม่ถึง 3 ปี จึงจะมีความไม่แน่นอนในการวิเคราะห์สูงครับ

เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ในระยะยาว ราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวตามผลประกอบการของบริษัทจริงๆ

บริษัทในตลาดหลักทรัพย์หรือนอกตลาดหลักทรัพย์ ก็เหมือนกันในแง่ที่เป็นทรัพย์สินที่สร้างกระแสเงินสดออกมาให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของ (ผู้ถือหุ้น)

ดังนั้นเมื่อบริษัทมีผลประกอบการไม่ดี ไม่มีกำไร มีแต่ขาดทุน ไม่สามารถผลิตเงินสดให้กับเจ้าของได้ ก็จะถือเป็นทรัพย์สินที่ไม่ดี และไม่มีใครอยากจะเป็นเจ้าของ ทำให้สุดท้ายแล้วราคาหุ้นก็จะลดลงเรื่อยๆเองจนกลายเป็นศูนย์เมื่อบริษัทต้องปิดกิจการไป ในขณะที่บริษัทที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากขึ้นทุกปี ราคาหุ้นก็จะขึ้นได้เรื่อยๆ เพราะคนสามารถวัดเทียบได้เลยว่า นำเงินมาลงทุนเท่าไหร่ และ จะคืนทุนได้ภายในกี่ปี จากเงินสดที่บริษัทสร้างได้

ซึ่งจากการดูข้อมูลย้อนหลังของหุ้นทุกตัว ก็จะเห็นได้ว่าในระยะยาวแล้ว ราคาหุ้น จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับ ผลประกอบการ เสมอครับ