
Part 5บทส่งท้าย
แนวคิดหลักการซื้อขายหุ้น ข้อเปรียบเทียบถือยาว หรือซื้อๆขายๆ แบบไหนดีกว่ากัน การคำนวณผลตอบแทนทบต้นและความเสี่ยง



QUESTION & ANSWERS
กรณีที่ไม่มีเงินก้อน แต่มีเงินรายเดือนมาลงทุนเดือนละ 10,000 บาท ผมคิดว่า เมื่อได้เงินมาก็ค่อยๆเก็บเข้าบัญชีเงินลงทุนไปเรื่อยๆครับ จนกว่าจะมีโอกาสดีๆให้ลงทุนในหุ้นที่เราสนใจ ในราคาที่เหมาะสมครับ ทั้งนี้การลงทุนเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนครับ รอจังหวะและโอกาสดีๆครั้งเดียวจะดีกว่า โดยเฉพาะถ้าหากเราต้องการลงทุนในหุ้นคุณภาพดีและจะถือยาวอยู่แล้วครับ
สำหรับหลักการ DCA ก็เป็นหลักการที่ดีครับ แต่ถ้าจะใช้ให้ได้ผลก็ควรจะเลือกหุ้นที่มีคุณภาพดีและเราคาดการณ์ได้ว่าบริษัทจะสามารถสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นได้ทุกปีครับ (ไม่ใช่ว่าจะ DCA หุ้นอะไรก็ได้) ซึ่งหลักการ DCA ก็จะช่วยขจัดอารมณ์ของเราในการลงทุนออกไปครับ สร้างวินัยให้ลงทุนไปเรื่อยๆทุกเดือนในหุ้นที่ดี สุดท้ายเงินลงทุนของเราก็จะเติบโตไปเรื่อยๆครับ แต่ถ้าจะใช้ Jitta คู่กับ DCA ผมก็แนะนำว่า ควรจะเลือกหุ้นที่มี Jitta Score สูงๆ และ Jitta Line เพิ่มสูงขึ้นทุกปี จากนั้นก็เริ่มลงทุนเมื่อราคาหุ้นอยู่พอดีๆกับ Jitta Line ครับ จากนั้นก็ค่อยๆ DCA ไปเรื่อยๆครับ ก็น่าจะทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีมากเทียบกับตลาดครับ